WARNING : อาจจะมี OOC บ้างนะคะ ยังไม่ค่อยชินมือเท่าไหร่ค่ะ ดั้นด้นแต่งเพราะความกาวล้วน ๆแง
——————————————————————————-
“โฮ่ย บาคุโก พวกเรามาเยี่ยมแล้วว !” เสียงทักทายดังขึ้นก่อนที่เสียงประตูห้องพยาบาลของรีคัฟเวอรี่เกิร์ลจะเปิดดังปัง ! แล้วร่างคุ้นตาของชาวแก๊งห้อง A ในชุดนักเรียนยูเอก็ค่อย ๆโผล่หน้าเข้ามาทีละคน
“ว่าไงเจ้าบาคุโก ไม่คิดเลยนะว่าจะมีวันที่ฉันเห็นนายนอนเดี้ยงคาเตียงกับเขาได้เหมือนกัน” คามินาริที่โผล่เข้ามาเป็นคนที่สองเอ่ยทักทายอย่างร่าเริง ตามด้วยมิเนตะที่โผล่มาทักทายแบบพอแสบพอคันเล่น แต่พอเจอคัตสึกิถลึงตาใส่พร้อมกับทำเสียง ‘หาาาา !?’ ใส่ มิเนตะก็รีบทำคอย่นไปหลบหลังคามินาริทันที
“หนวกหูน่าคิริชิมะ ! พวกแกก็เหมือนกัน ! มาทำไม !” บาคุโก คัตสึกิในชุดผู้ป่วยดูแปลกตาตะโกนกลับตาขวาง
สภาพดูยังไงมันก็ไม่เหมือนคนเจ็บแขนเดี้ยงขาเดี้ยงเลยสักนิด…เพื่อน ๆชาวห้อง A คิดในใจพลางฉีกยิ้มจืด
เมื่อสองสามวันก่อน ในคาบเรียนต่อสู้ช่วงบ่าย มีกิจกรรมจำลองเหตุการณ์ต่อสู้กับกลุ่มวิลเลินกลุ่มใหญ่ โดยแบ่งนักเรียนห้อง A เป็นสองทีม ทีมฮีโร่และทีมวิลเลิน ฝ่ายทีมฮีโร่จะอยู่ในห้องเตรียมตัวที่ถูกล็อคไว้ ไม่มีทางรู้ว่า จะเกิดเหตุการณ์จำลองแบบใดขึ้น หรือพวกวิลเลินจะบุกมาจากทางไหน ส่วนทีมวิลเลินจะมีตัวอย่างเหตุการณ์ให้เลือกสามสี่แบบ หลังจากเลือกแล้วจะให้เวลาวางแผนการก่อการร้ายประมาณยี่สิบนาที แล้วค่อยเริ่มกิจกรรม
ทั้ง ๆที่มันน่าจะเป็นเหตุการณ์ซัดกันเองของห้อง A เหมือนอย่างที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 1 แต่คราวนี้ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ
คัตสึกิโดนรุมโดยโทโดโรกิ และโทโคยามิ จากนั้นจบด้วยการตกจากที่สูงจนขาหักไปข้างหนึ่ง แต่ที่อนาถที่สุดจนคัตสึกิอยากจะย้อนกลับไประเบิดลบความทรงจำทุกคนในวันนั้นคือ…
เขาโดนเจ้าเดกุที่โผล่มาจากทางไหนไม่รู้ตวัดขาฟาด ทำให้ตกลงมาจากตึกจำลองโดยเอาหน้ากระแทกพื้น
ถ้าจะมานั่งคิดบัญชีจริง ๆ คนที่จะโดนหนี้แค้นของเขาทับหัวตาย
ยังไงก็ไม่พ้นเจ้าเนิร์ดโง่เดกุหน้าเก่า !
สรุปว่า ตอนนี้คัตสึกิเลยมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบหัว แถมด้วยผ้าก๊อซแปะแผลตามหน้าจนดูน่าตลก
จริง ๆแล้วเขาไม่ควรจะจนมุมขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่ใช่ว่า หนึ่งวันก่อนหน้านั้นเขาแอบออกไปฝึกการใช้อัตลักษณ์โดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมจากคอสตูมฮีโร่ซัพพอร์ต
แน่นอนว่า ฮีโร่ส่วนใหญ่ออกปฏิบัติการต่าง ๆในชุดคอสตูมฮีโร่ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตจุดเด่น ลดจุดด้อยของฮีโร่แต่ละคนอยู่แล้ว แต่เหตุร้ายมันไม่ได้รอให้พวกเขาสวมชุดฮีโร่ก่อนแล้วค่อยเกิดเสียเมื่อไหร่
อาการฮึดซ้อมเกินเหตุของคัตสึกิในวันก่อนหน้าส่งผลให้วันถัดมาเขามาเรียนด้วยอาการปวดแขนทั้งสองข้าง เพราะแขนรับภาระหนักในการใช้อัตลักษณ์มากเกินไป เมื่อมาเจออีเว้นท์โดนรุมแบบที่ไม่เคยได้เจอบ่อย ๆในชั้นเรียน ทำให้คัตสึกิพลาดท่า
จุดจบเลยกลายเป็นฝืนใช้แขนทั้งสองข้างในคาบเรียนมากเกินไปจนแขนปวดระบมแทบยกไม่ไหว แถมขาข้างหนึ่งก็ยังหักอย่างที่เห็น
“ค…คัตจัง” อิซึกุที่อยู่ตรงกลางในกลุ่มเพื่อนที่เข้ามาเยี่ยมส่งเสียงเรียกคัตสึกิเสียงอ่อย ดวงตาสีเขียวคู่โตฉายแววเลิ่กลั่ก มองไปทางคนป่วยที ขยับไปมองลงพื้นที “ขอโทษนะ พอดีผมควบคุมพลังตัวเองยังไม่ค่อยได้ ก็เลย…”
“หุบปาก เจ้าเดกุ !” คัตสึกิตวาดสวนก่อนที่อิซึกุจะทันพูดจบประโยค “อย่ามาพูดว่า ฉันเจ็บเพราะแกยั้งพลังไม่ทันได้มั้ย หาา แค่ฟังก็หงุดหงิดแล้ว ! เป็นแค่เดกุแท้ ๆ เดี๋ยวนี้กล้าดูถูกฉันแล้วเรอะ !!”
“เปล่านะ” อิซึกุยกมือขึ้นยกปฏิเสธเป็นพัลวัน ร่างของคนตัวเล็กกว่ายิ่งดูลนลานหนักกว่าเก่า ทำเอาคิริชิมะอดสงสารจนเสนอตัวเข้ามาไกล่เกลี่ยไม่ได้
“เอาน่า ๆบาคุโก อย่าไปว่ามิโดริยะอย่างนั้น”
“หนวกหู ! แกเองก็หุบปาก ! ส่วนหน่ึงก็ผิดที่แกสกัดเดกุได้ไม่ดีนั่นแหละ !” คัตสึกิตะคอกกลับเสียงหงุดหงิด
ถ้าตอนนั้นคิริชิมะสกัดเจ้าเดกุได้นานกว่านี้ มันก็คงไม่ว่างวิ่งวาร์ปโผล่มาช่วยรุมเขาหรอก !
“อย่าส่งเสียงดังในห้องพยาบาลสิ” รีคัฟเวอรี่เกิร์ลโผล่หน้าเข้ามาเอ็ดเสียงดุ ทำให้ชาวห้อง A ขานรับ แล้วค่อย ๆลดเสียงลง “อันที่จริง ไม่ต้องมาเยี่ยมกันก็ได้นะ ในเมื่อวันนี้เขาจะย้ายไปพักที่ห้องตัวเองแล้ว”
“เอ๋ !? ไม่ใช่ว่าเขายังอาการหนักอยู่เหรอคะ” อุราระกะ โอชาโกะร้องถามเสียงหลงอย่างตกใจ
ในเมื่อวันก่อนเธอเห็นกลุ่มพวกผู้ชายเล่นกันเองรุนแรงขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่า แค่มาพักห้องพยาบาลแป๊ป ๆก็กลับไปพักที่ห้องของตัวเองได้แล้ว
“ไม่หรอก พื้นฐานร่างกายของบาคุโกคุงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วเลยไม่มีปัญหาน่ะนะ” รีคัฟเวอรี่เกิร์ลตอบ ก่อนจะยิ้มเหมือนคุณยายใจดี “สภาพคนแขนเดี้ยงขาหักที่มาด้วยห้องพยาบาลด้วยตัวเองได้เกือบ 100% น่ะ มีอยู่ไม่กี่คนหรอกรู้มั้ย ฮึ ๆๆ”
ได้ยินรีคัฟเวอรี่เกิร์ลพูดแบบนั้น คามินาริกับมิเนตะก็ได้แต่ย่นคออย่างสยอง เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์วันก่อนที่คัตสึกิยืนยันว่า จะแบกร่างไปห้องพยาบาลเอง ถึงแม้สุดท้ายอาจารย์ไอซาวะจะยอมให้ไปเอง แต่ก็มีเพื่อนอีกสองคนพยุงตามไป คัตสึกิจึงไปถึงห้องพยาบาลได้แบบไม่มีชิ้นส่วนไหนหักสลายไปเพิ่มอีก
“ให้ตายสิ นายเป็นแมลงสาบรึไง ทำไมอึดนักนะ”
“ไม่ใช่คน…นี่มันคนละเลเวลกันแล้ว…”
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว ใครจะช่วยย้ายคนเจ็บก็อยู่ก่อนแล้วกัน” รีคัฟเวอรี่เกิร์ลสรุป พลางโบกมือคนกลุ่มใหญ่ออกไปจากห้อง สุดท้ายภายในห้องก็เหลือเพื่อนผู้ชายแค่ไม่กี่คน
“อยู่ทำเบ๊อะอะไรอีก เจ้าเดกุ” คัตสึกิที่เห็นอิซึกุยังยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ใกล้เตียงร้องทักอย่างไม่ชอบใจ
นับวันยิ่งเห็นหน้ามันก็ยิ่งหงุดหงิด
ตั้งแต่ขึ้นปีสองมา พัฒนาการด้านการต่อสู้ของเจ้าเดกุก็ยิ่งพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังจากวันฟอร์ออล หรือเป็นเพราะตัวเจ้าเดกุเอง ตอนนี้เจ้าเดกุคนขี้ขลาดที่เขาเคยปรามาสอยู่เสมอ ๆเลยเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้วอย่างน่าหมั่นไส้
แต่ถึงจะมั่นใจขึ้นมากแค่ไหน พอเจอเขาทีไรมันก็ทำหน้าเป็นหมาหงอเหมือนเดิม
เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดโว้ยย !!!
อิซึกุยืนเขี่ยนิ้วตัวเองไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคัตสึกิ พลางยิ้มอย่างพยายามทำใจดีสู้เสือ “ผมช่วยนะ”
“หาาาา !? ไม่ต้อง ! เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้ พวกแกไม่ต้องมาช่วยทำอะไรทั้งนั้นแหละ เกะกะ !” คัตสึกิตอบตาขวาง พลางกวาดตาไปหาเพื่อนคนอื่น ๆที่ยืนอยู่ใกล้ ๆกันแล้วออกปากไล่ “ไสหัวไปหมด”
“เฮ้อ นิสัยแบบนี้แหละ นายถึงไม่ป๊อป” คามินาริถอนหายใจพลางแบมือทั้งสองข้างออก แล้วย้ายมือทั้งสองข้างไปซ้อนด้านหลังศีรษะ พลางเดินออกไปจากห้องคนแรก “ไปก็ไป แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”
“บาคุโก ฉันเก็บกระเป๋านายเสร็จแล้ว ยังมีของอย่างอื่นอีกรึเปล่า” คิริชิมะที่ชินกับท่าทางของคัตสึกิมานานมากแล้วพูดขึ้น ในมือมีกระเป๋าเป้ที่ปิดซิปเรียบร้อยอยู่ บ่งบอกว่า เจ้าตัวคงช่วยเก็บของให้เรียบร้อยแล้วอย่างปากว่าจริง ๆ ร่างสูงของคนผมแดงหันไปหาอิซึกุที่ยืนเลิ่กลั่กอยู่อย่างคนไม่มีหน้าที่ “มิโดริยะ ฝากนายไปเข็นรถเข็นมาให้หน่อยแล้วกัน สภาพแบบนี้จะเดินเองก็คงจะล้มหน้าแหกไปอีก”
“ได้เลยคิริชิมะคุง” อิซึกุพยักหน้า แล้วเดินไปที่มุมห้องที่มีรถเข็นวางเตรียมไว้ให้อยู่หนึ่งคัน แล้วเข็นมาหาคัตสึกิที่ตอนนี้ยังโวยวายไล่คนอื่นออกไปอยู่บนเตียง
ไป ๆมา ๆ คนที่ยังเหลือเพื่อช่วยคัตสึกิย้ายกลับห้องตัวเองก็เหลือแค่อิซึกุกับคิริชิมะเพียงสองคน
“คัตจัง ขึ้นรถเข็นไหวมั้ย” อิซึกุถาม ทำท่าเหมือนจะเข้ามาช่วยประคอง แต่คัตสึกิกลับใช้มือข้างซ้ายที่หายดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วปัดออกดังเพี๊ยะ
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันทำเองได้”
ความเจ็บวาบที่หลังมือกับคำปฏิเสธเสียงห้วน ทำให้อิซึกุยิ้มจืด แล้วลูบหลังมือบริเวณที่โดนตีจนขึ้นรอยแดงจาง ๆ
ถึงจะชินกับคัตจังที่ก้าวร้าว ขี้โวยวายมาตั้งแต่เด็กแล้วก็เถอะ แต่โดนปฏิเสธซ้ำ ๆ แบบนี้ก็ทำเอาใจแป้วไปเหมือนกันแฮะ
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคัตจังยอมให้เขาช่วยเหลือง่าย ๆ ถึงตอนนั้น เขาก็คงจับอีกฝ่ายมาเค้นคอด้วยวิธีรีดความลับที่เพิ่งเรียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแน่ ๆว่าเอาคัตจังตัวจริงไปไว้ที่ไหน
คิริชิมะที่สะพายเป้ของคัตสึกิไว้ด้านหลังถอยหายใจอย่างหน่ายใจ ก่อนจะรีบเข้ามาคว้าตัวคัตสึกิที่พยายามขยับย้ายมานั่งบนรถเข็นด้วยตัวเองอย่างลำบาก
“ขึ้นเร็วบาคุโก”
“เฮ้ย เดี๋ยว !” คัตสึกิร้องอุทานเสียงหลง พอรู้ตัวอีกทีร่างสูงของว่าที่ฮีโร่มือระเบิดก็หล่นปุบนเก้าอี้รถเข็นแบบงง ๆไปแล้ว
“เข็นไปเลยมิโดริยะ” คิริชิมะว่า อิซึกุเลยพยักหน้ารับแล้วเริ่มออกเข็นคัตสึกิที่นั่งทำหน้าบ่จอยบนเก้าอี้รถเข็นทันที
“แกนี่มันขยันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ”
“ช่วยไม่ได้นี่นา มัวแต่เล่นตัวอยู่แบบนั้น อีกครึ่งวันพวกเราก็ยังติดแหง็กอยู่ที่ห้องพยาบาลแหง ๆ”
“หาาา ! แกบอกว่า ใครเล่นตัววะ !”
เสียงทะเลาะกันของคัตสึกิกับคิริชิมะที่ดังไปตลอดทาง ทำให้อิซึกุที่ทำหน้าที่คนเข็นอยู่ขยับยิ้มบาง ทั้ง ๆที่มีสีหน้ากังวลใจ
ดีใจอยู่หรอกที่คัตจังมีเพื่อนกับเขาบ้างแล้ว ในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก ไม่สิ กระสอบทรายตั้งแต่สมัยเด็กของคัตจัง เขาเองก็ดีใจที่คนแข็งกร้าวอย่างคัตจังมีเพื่อนที่มองข้ามความแข็งกร้าวนั้นแล้วเป็นเพื่อนกับเขาอย่างจริงใจ
แต่ถ้ามองในฐานะมิโดริยะ อิซึกุที่ชื่นชมคัตจังมาตลอด เขากลับรู้สึก
…ไม่ค่อยชอบใจนิด ๆ
ทั้ง ๆที่ที่ผ่านมาความสนิทสนมในระดับนั้น มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้รับมันแท้ ๆ
พอมีคนมาแชร์ความสนิทสนมนั้นไปแบบนี้ มันก็อดเหงาขึ้นมาอีกนิดนึงไม่ได้
ที่น่าอิจฉาไปมากกว่านั้น คิริชิมะคุงน่ะ กล้าที่จะเข้าหาคัตจังอย่างเท่าเทียม ทั้ง ๆที่เขาเคยพยายามแล้วแต่กลับทำไม่ได้
ตัวตนของคัตจังในใจเขาตั้งแต่เด็ก…ตอนแรกก็เป็นเพื่อนกันปกติหรอก ก็เลยชื่นชมในฐานะที่เป็นลีดเดอร์ของกลุ่ม ไม่ว่าใครก็วิ่งตามคัตจังไปทำนั่นทำนี่อยู่เสมอ แต่ตั้งแต่ที่ทุกคนรู้ว่า เขาเกิดมาไร้อัตลักษณ์ ทุกคนก็ปฏิบัติต่อเขาเปลี่ยนไป คัตจังเองก็เหมือนกัน ไป ๆมา ๆคัตจังเลยเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นที่หนึ่งตลอด ได้รับชัยชนะตลอด ไม่มีวันแพ้ เป็นอีกตัวตนที่เหนือกว่าเจ้ากากเดกุอย่างเขาโดยสิ้นเชิง
ถึงจะชอบคัตจังมากก็จริง แต่พอคิดกับอีกฝ่ายในแง่นั้นแล้ว จะให้เขาเข้าหาคัตจังด้วยความรู้สึกของคนที่เท่าเทียมกันได้ยังไงเล่า
เพราะแบบนั้น ถึงได้รู้สึกอิจฉาเล็ก ๆเวลาที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน
จริง ๆเขาเองก็อยากสนิทกับคัตจังแบบนั้นเหมือนกันนะ แบบที่ไม่ได้จบลงด้วยการถูกคัตจังอัดเสียน่วมน่ะ…อิซึกุคิด ขณะมองภาพของสองคู่หูห้องเอที่นับวัน ใคร ๆก็รู้ว่า สองคนนี้ตัวติดกันแค่ไหนมากขึ้นเรื่อย ๆ
คัตจังไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกันคนกลุ่มใหญ่เพราะคิดว่า น่ารำคาญ ไป ๆมา ๆ ก็เลยมีแต่คิริชิมะคุงที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างคัตจังกับห้องเอเอาไว้
ทั้ง ๆที่หน้าที่นั้นน่าจะเป็นของเขาที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กแท้ ๆ
ไม่อยากให้โดนแย่งไปเลยนะ…
ถ้ามีใครรู้เข้า อีกฝ่ายคงคิดว่า เขาเป็นคนโลภมาก อยากยึดคัตจังไว้เป็นของตัวเองคนเดียวแน่ ๆ
ถ้าคัตจังรู้เข้า จะยิ่งเกลียดขี้หน้าเขาไปใหญ่รึเปล่านะ
ถ้าคัตจังรู้เข้า ว่าเขา ‘ชอบ’ คัตจังมากจนอยากเอาไปเก็บไว้เองคนเดียวแบบนี้ คัตจังจะยิ่งถอยห่างไปจากเขาอีกรึเปล่านะ
…
“….กุ”
“…เดกุ”
“เฮ้ยย !! ไอ้เดกุ !!”
เสียงตะคอกที่แว่วเข้าหูขึ้นเรื่อย ๆทำให้อิซึกุกะพริบตา ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าใครกำลังเรียกเขาอยู่
“หะ หา คัตจัง ? ว้ากก !!!” ไม่ทันจะทำอะไรต่อ เท้าก็ไปเตะก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มอย่างจังจนคนใจลอยเสียหลัก ถลาตัวไปข้างหน้า
ก้อนหินบ้าอะไรมาอยู่บนทางเเดินกัน !
“เฮ้ย มิโดริยะ !!” เสียงอุทานจากคิริชิมะที่อยู่ข้าง ๆดังขึ้น แต่ไม่ทันที่หนุ่มผมแดงจะทันคว้าตัวคนตัวเล็กกว่าทัน ร่างเล็กของอิซึกุก็ถลาคว่ำไปกอดคอคัตสึกิจากด้านหลัง เข่าทั้งสองข้างทรุดกระแทกพื้นอย่างแรงจนได้ยินเสียงทึบ ๆ ดังปึก
โชคดีที่คิริชิมะเอี้ยวตัวไปจับเก้าอี้รถเข็นทัน ทำให้อิซึกุที่เสียหลักไม่ได้ทำให้ตัวรถเข็นคว่ำไปด้วย
ไม่อย่างนั้นจากคนเจ็บที่ใกล้จะหายดี น่าจะคงสถานะเป็นคนเจ็บยาวต่ออีกหลายวันแน่ ๆ
“ฟู่ว ขอบใจนะคิริชิมะคุง” อิซึกุที่อยู่ในสภาพดูไม่จืดผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันไปขอบคุณคิริชิมะที่เร็วพอจะจับเก้าอี้รถเข็นไว้ ก่อนจะเอียงหน้าไปมองคัตสึิกิที่ก้มหน้า สองมือแข็งแรงจากการฝึกฝนแรมปีรู้สึกได้ถึงร่างที่แข็งเกร็งจนแทบจะเรียกได้ว่า แข็งทื่อของคนในอ้อมกอด ทำให้เจ้าตัวไพล่พาลไปนึกว่า คัตสึกิคงตกใจจนตัวแข็งไปแล้ว
ในสถานการณ์ปกติไม่มีทางที่คัตสึกิจะตกใจด้วยเรื่องแบบนี้หรอก แต่คงเป็นเพราะอยู่ในสภาพที่ใช้แขนขาได้ไม่ครบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เจ้าตัวเลยอดตกใจไม่ได้ล่ะมั้ง
“ขอโทษนะคัตจัง เจ็บรึเปล่า” อิซึกุพึมพำขอโทษเสียงอ่อย
น้ำเสียงถามไถ่อย่างห่วงใยปนรู้สึกผิดที่ข้างหู ทำให้คัตสึกิเบนหน้าไปอีกทาง ใช้แขนซ้ายที่ยังดีอยู่เท้าคางกับที่วางแขนแล้วทำหน้ามู่ทู่ ปลายหูเห่อแดงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างที่เจ้าของหูไม่ทันรู้ตัว
“…เข็นให้มันดี ๆหน่อยสิ เจ้าโง่เดกุ”
คำด่าห้วนสั้น แต่ฟังดูไม่มีพลังเหมือนอย่างเคย ทำให้อิซึกุเบิกตาโต ๆกว้างอย่างแปลกใจ
อยู่ ๆคัตจังก็ใจดีอย่างประหลาดแฮะ
“มัวอ้าปากเหวอทำซากอะไรอยู่อีก รอแมลงวันมาไข่ให้เต็มท้องก่อนค่อยเดินหรือไงฮะ !?”
แต่แค่แป๊ปเดียว สุดท้ายก็กลับมาเป็นคัตจังคนเดิมจนได้
“อื้ม” อิซึกุพยักหน้า แล้วเข็นคัตสึกิเข้าหอพักไปพร้อม ๆกับคิริชิมะที่ยืนรออยู่ พอเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นรวม คนที่ไม่ได้ไปเยี่ยมคัตสึกิวันนี้ก็พากันตกอกตกใจกันใหญ่ที่อยู่ ๆคนเจ็บหนักเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนนี้สามารถกลับมาพักที่ห้องตัวเองได้แล้ว
“บาคุโก นายนี่มันไม่ใช่คนแแล้ว” อะชิโดะ มินะเดินวนรอบ ๆ ตัวคัตสึกิอย่างสนใจ ก่อนจะจิ้ม ๆ ลงบนเฝือกอ่อน “ฉันนึกว่าจะต้องอยู่ห้องพยาบาลอย่างน้อยก็อาทิตย์นึงซะอีก”
“มะ ไม่ได้นะ มินะจัง ไปจิ้มแบบนั้นเดี๋ยวบาคุโกคุงก็เจ็บหรอก” ฮางาคุเระ โทรุ เด็กสาวที่เพื่อนร่วมห้องไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงเพราะอัตลักษณ์ล่องหนตลอดเวลาของเธอพูดถึงด้วยน้ำเสียงกังวล
“ว้าย ตายแล้ว เดกุคุง ไปทำอะไรมา ทำไมเข่าทั้งสองข้างเป็นแบบนั้นไปได้น่ะ !?” เสียงร้องอุทานอย่างตกใจจากอุราระกะ โอชาโกะ ทำให้เพื่อน ๆที่ส่งเสียงหยอกล้อคัตสึกิหยุดแล้วเบนสายตาไปที่พนักงานเข็บรถเข็นของคัตสึกิแทน
บนหัวเข่าทั้งสองข้างของอิซึกุเป็นรอยถลอก มีคราบเลือดกรังอยู่เล็กน้อย บางส่วนก็ยังดูสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดเหตุอะไรบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้
อุราระกะพุ่งตัวเข้าไปหาอิซึกุทันทีพร้อมด้วยอีดะ เท็นยะ ก่อนที่ร่างเล็กของเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มจะทรุดตัวลงข้าง ๆอิซึกุด้วยอาการพะวักพะวนกับแผลอย่างเห็นได้ชัด
“ห…หวา ก…ใกล้เกินไปแล้ว” อิซึกุพึมพำ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อยเพราะความใกล้ชิด เขาทำท่าเหมือนจะขยับตัวออก แต่อุราระกะกลับคว้าหมับเข้าที่ขาของอิซึกุอย่างลืมตัว
“ไม่ได้นะ ! อย่าขยับหนีสิเดกุคุง ตายแล้ว หกล้มมาเหรอ ยังไม่ได้ทำแผลเลยนี่นา” อุราระกะอุทาน
“พ…พอดีซุ่มซ่ามไปหน่อย เลยหกล้มที่หน้าทางเข้าหอพักน่ะ” อิซึกุพูดอย่างลนลาน
หวา ขา…ขา…
ใกล้เกินไปแล้วว !
“มะ…ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกคุณอุราระกะ ส…ใส่ยาซักหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“แย่แล้ว ต้องฆ่าเชื้อก่อน” อีดะยกมือแกว่งไปมาเป็นจังหวะอย่างร้อนรน “ดูเหมือนในหอพักทุกห้องจะมีกล่องปฐมพยาบาลมาให้อยู่ รอเดี๋ยวนะมิโดริยะคุง”
“กล่องยาอยู่นี่แล้ว” โทโดโรกิ โชโตะปรากฎตัวขึ้นที่มุมห้อง ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลเหมือนรู้เหตุการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี
“ไนซ์ไทม์มิ่งโทโดโรกิคุง !” อีดะยกนิ้วโป้งชมทันที ขยับตัวออกไปยืนวงนอกให้โทโดโรกิเดินเข้ามาใกล้
“เดกุคุง ขยับย้ายที่มาตรงนี้ดีว่า เธอยืนอยู่ตรงรถเข็นแบบนี้มันทำแผลไม่ถนัดเลย” อุราระกะเสนอ แล้วชี้ไปที่โซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่ แล้วประคองอิซึกุที่เริ่มรู้สึกเจ็บ ๆตึง ๆแผลขึ้นมาไปนั่งที่เก้าอี้
เผลอเพียงพริบตาเดียว ฝูงชนชาวห้องเอที่รายล้อมอยู่รอบตัวจนคัตสึกิรำคาญในตอนแรกก็แห่ไปล้อมรอบกลุ่มที่มีอิซึกุเป็นศูนย์กลางแทน
“นั่งดี ๆมิโดริยะ” โทโดโรกิเอ็ด คนตัวสูงกว่าคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“หวา โทโดโรกิคุง ผ…ผมทำเองได้นะ” อิซึกุยกมือปัดไปมาเป็นเชิงปฏิเสธอย่างเกรงใจ “ให้โทโดโรกิคุงมาทำแผลให้อย่างนี้นี่มัน…”
“ว้าย เหมือนท่าเจ้าชายเลย” ฮางาคุเระกับอาชิโดะที่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุดร้องวี้ดว้ายกันอย่างถูกใจ
“เหมือนในละครเลย”
“ยังงี้มิโดริยะจังก็เป็นนางเอกละครน่ะสิ อ๊บ” อะซุย ทสึยุถามขึ้นมากลางปล้องขณะเอานิ้วชี้แตะแก้ม
“เห ช่วงนี้กำลังฮิตในหมู่สาว ๆเลยไม่ใช่เหรอ เทรนด์นิยายบีแอลน่ะ !!” อาชิโดะดีดนิ้วดังเปาะแล้วพูดถึงอย่างถูกใจ ก่อนจะชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างอิซึกุกับโทโดโรกิ “โทโดโรกิเท่ออกขนาดนี้ให้สามผ่านเลยค่า ! ส่วนมิโดริยะ…อืม ถึงจะมีกล้ามมากไปหน่อย ผมยุ่งไปนิด แต่ก็พอถูไถไปได้แหละนะ ยังไงพ้อยต์ก็อยู่ที่ดวงตากลมโตกับร่างเล็กน่ารักนี่แหละ ไม่เลว ๆ”
“เห็นด้วย !” เสื้อยืดลอยได้เปลี่ยนไปในลักษณะเหมือนคนชูแขนขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีสีสันให้เรื่องนี้ซักหน่อย ตัวร้ายไง ! เอาเป็นหนุ่มแบดบอยที่เข้ามาล่อลวงมิโดริยะให้เอาใจออกห่างจากแฟนหนุ่มสุดหล่อหน่อยดีมั้ย” อาชิโดะพูดอย่างกระตือรือร้น แล้วกวาดสายตาเหมือนจะแคสต์หนุ่มแบดบอยตัวร้ายขึ้นมาจริง ๆ
“หวา ก็ดีใจอยู่หรอก แต่เรื่องแบบนี้ฉันขอผ่านละกัน” คามินาริสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นอาชิโดะกวาดสายตาผ่าน รีบยกมือขึ้นโบกมือบ๊ายบายทันที
“ไม่ต้องห่วง มินะไม่ได้อยากได้เจ้าโง่หรอก” จิโระ เคียวกะที่นั่งม้วนสายเอียร์โฟนของตัวเองเล่นพูดขัดขึ้นอย่างเบื่อ ๆ ก่อนจะออกความเห็นบ้าง “หนุ่มแบดบอยตัวร้ายของห้องเอเราก็มีอยู่คนเดียวไม่ใช่รึไงกัน”
“จะว่าไปก็จริงอยู่” อะซุยทำท่านึก ก่อนจะลดมือที่ทำท่าประจำตัวอยู่ลง “แต่ตอนนี้แบดบอยตัวร้ายเหมือนจะเล่นบทนี้ไม่ได้แล้วนะสิอ๊บ”
“ไม่เป็นไร พลังชิปเปอร์จะสรรค์สร้างให้แบดบอยตัวร้ายของห้องเอหายดีเอง” อาชิโดะหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ แล้วหันไปหาคัตสึกิที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่บนรถเข็น “ในเมื่อไม่มีใครเหมาะไปมากกว่านายแล้ว ! ฉันขอมอบมงตำแหน่งแบดบอยตัวร้ายที่จะมาล่อลวงสาวน้อยมิโดริยะให้นายก็แล้วกันนะ บาคุโก !”
“บ้าบอ ไปตายซะ” คัตสึกิว่า เบะปากอย่างไม่ชอบใจ มือข้างซ้ายที่ยังดีอยู่เริ่มขยับเหมือนจะหมุนรถเข็นหนี แต่เพราะมีมือแค่ข้างเดียว การหมุนรถเข็นหนีเลยเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบาก ทำให้เจ้าตัวพ่นลมออกมาแรง ๆ แล้วออกปากสั่งเสียงห้วนอย่างเคยตัว
“คิริชิมะ ! ฉันจะกลับห้อง !”
“หา สั่งซะอย่างกับเห็นฉันเป็นเบ๊ยังงั้นแหละ พ่อแบดบอย” คิริชิมะบ่นหงุงหงิงแบบไม่จริงจัง แต่ก็ยอมเข้าประจำตำแหน่งที่อิซึกุทิ้งไปแต่โดยดี “ลูกผู้ชายแมน ๆอย่างฉันเป็นได้แค่บทเบ๊ของตัวร้ายเรอะ เห่ยชะมัด ให้ตาย”
บ่นไปก็เข็นไป ไม่นานร่างของสองคู่หูประจำห้องเอก็หายไปจากห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง
“ดะ…เดี๋ยวก่อนทุกคน ไปกันใหญ่แล้ว” อิซึกุพยายามหยุดเพื่อน ๆ ที่เริ่มหัวเราะเฮาฮาแล้วเปลี่ยนหัวข้อไปเว่อร์วังกันมากขึ้นอย่างยากลำบาก พอเห็นว่าไม่น่าจะลากทุกคนกลับมาได้แล้ว อิซึกุก็ได้แต่ก้มลงมองคนที่ตั้งอกตั้งใจทำแผลให้อย่างจริงจังด้วยความรู้สึกผิด
โดนเพื่อน ๆล้อเล่นก็รู้สึกประดักประเดิดจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังลากโทโดโรกิคุงเข้ามาในเรื่อล้อเล่นแบบนี้อีก
“ขะ…ขอโทษนะ โทโดโรกิคุง ทุกคนกลายเป็นแบบนี้กันอีกแล้ว” อิซึกุพูดพลางเกาแก้มอย่างลำบากใจ
“ไม่เป็นไร” โทโดโรกิว่าแล้วละมือจากหัวเข่าทั้งสองข้างของอิซึกุ หันไปเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแทน “เสร็จแล้ว ช่วงนี้ระวังอย่างให้โดนน้ำหน่อยแล้วกัน”
“อะ อื้อ ขอบคุณมากนะ โทโดโรกิคุง”
“…แล้วก็ระวังอย่าไปหกล้มใส่ใครเข้าอีกล่ะ”
“อื้อ” อิซึกุพยักหน้ารับรัว ๆก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงความแปลกประหลาดในข้อควรระวังอย่างที่สอง แต่ไม่ทันจะถามอะไร เจ้าของคำเตือนประหลาดก็เดินถือกล่องปฐมพยาบาลจากไปแล้ว อิซึกุเลยได้แต่ทำหน้าสงสัยอยู่กับอุราระกะที่นั่งมองการปฐมพยาบาลมาตลอดแบบงง ๆ
“…โทโดโรกิคุงคงเห็นตอนเดกุคุงล้มที่หน้าหอพักละมั้ง”
ในห้องของอิซึกุ
ให้ตายเถอะ…อิซึกุคิดแล้วยกมือปิดหน้าอย่างสิ้นหวัง
ทำไมเขาต้องเป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนให้คัตจังอยู่เรื่อยเลยนะ
คัตจังบาดเจ็บขนาดนั้นก็เพราะเขากะพลังอัตลักษณ์ได้ไม่ดีในระหว่างการต่อสู้ จะอาสาไปเป็นคนช่วยย้ายของกลับห้อง ก็ดันสะดุดล้มคว่ำใส่คัตจังอีก
อิซึกุคิดอย่างวุ่นวายใจ พลางลดมือที่ปิดตาอยู่ลงเล็กน้อย เมื่อคิดถึงกลุ่มผมนุ่ม ๆของคัตสึกิที่เขาสัมผัสได้โดยบังเอิญตอนที่หกล้มใส่คัตสึกิ
ทั้ง ๆที่ชี้ตั้งไม่เป็นทรงแบบนั้น แต่ผมคัตจังนุ่มจังเลยน้า
ร่างกายของคัตจังก็อุ่นดีด้วย
…
ปุ้ง !
คิดได้แค่เท่านี้ ในหัวก็จินตนาการความอบอุ่นจากร่างกายของคนเจ็บ สัมผัสโอบกอดจากด้านหลังที่เขาเผลอทำไปเพราะจะยึดอีกฝ่ายเป็นหลักจับ ใบหน้าด้านข้างแบบใกล้ชิดระดับ HD ของคัตจังที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใบหน้าของคัตจังในมุมนี้มาก่อน
คิดได้แค่นี้ ก็รู้สึกเหมือนไอร้อนเห่อลามไปทั่วหน้าแบบหยุดไม่ได้
“ว้าก ว้าก ว้าก !!!” อิซึกุขยับมือกลับไปปิดหน้าเหมือนแบบเก่าแล้วเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงไม่หยุด เสียงร้องว้าก ว้ากของเขาดังซะจนอาโอยาม่า ยูงะที่นั่งส่องกระจกชื่นชมตัวเองอยู่ในห้องข้าง ๆถึงกับสะดุ้งโหยง แทบจะทำกระจกถือบานโปรดหล่นแตก
ไม่รู้จะเคาะผนังเตือนหนุ่มน้อยผมหยิกดีมั้ยว่า เสียงของเขามันทำให้ชาวบ้านตกใจน่ะ…
ตอนเย็น
หน้าห้องพักของบาคุโก คัตสึกิ ชั้น 5
อิซึกุกำลังยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องของคัตสึกิ ใจจริงอยากยกแซนด์วิชแฮมชีสกับแซนด์วิชทงคัตสึที่อุตส่าห์ไปซื้อมาเข้าไปให้คัตสึกิ แต่ก็ลังเลเพราะในใจก็ยังกลัว ๆ เจ้าของห้องคนขี้โมโหอยู่นิดหน่อย
จะเคาะหรือไม่เคาะดีนะ
แต่ถ้าช้ากว่านี้แซนด์วิชที่อุตส่าห์เอาไปอุ่นจนร้อนจะเย็นหมดแล้ว
คัตจังเองก็ยังไม่หายดี ไม่มีทางที่คนอย่างนั้นจะโทรเรียกคนอื่นมาพาไปกินข้าวแน่ ๆ
อิซึกุคิดและเริ่มบ่นพึมพำงึมงำตามประสา ไม่ทันสังเกตเลยว่า เสียงงึมงำของเขาทำให้เจ้าของห้องข้างในที่รู้สึกตัวตั้งนานแล้วว่ามีคนมายืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องส่วนตัวของเขากว่าสิบนาทีอยู่
ปัง !
“จะยืนท่องบทสวดอีกนานมั้ยวะ จะเข้าก็เข้ามา !” คัตสึกิเปิดประตูออกมาตะคอกใส่คนที่ทำมลภาวะทางเสียงใส่เขา ทำเอาอิซึกุที่ไม่ทันเตรียมใจได้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์สะดุ้งโหยง
“หวะ หวา คะ…คะ…คะ…คัตจัง !”
“เมื่อกี๊เป็นบทแช่งตัวเองให้ติดอ่างเรอะ เห็นหน้าฉันแล้วทำไมต้องตกใจจนปากสั่นขนาดนั้น” คัตสึกิจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด มือของคนตัวใหญ่กว่าคว้าหมับเข้าที่ข้อมืออิซึกุข้างที่ว่างอยู่ แล้วออกแรงกระชากจนคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแทบจะปลิวตามเข้าไปในห้อง ตามตัวเอียงตัวไปผลักประตูให้งับกลับเข้าไปอย่างเดิมเสียงดัง
ปัง !
“คัตจังใจเย็น ๆ !” อิซึกุร้องอุทาน แล้วเสียงอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นรัว ๆอีกรอบ เมื่อคนเจ็บที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าเพิ่งสำเหนียกตัวเองได้ว่าตอนนี้อยู่ในสภาพไหน
ร่างสูงกว่าถึงได้เอนไปเอนมา แล้วคว้าคอของคนที่อยู่ที่ใกล้เป็นหลัก
กลายเป็นว่าคัตสึกิเป็นฝ่ายใช้แขนซ้ายกอดคออิซึกุที่ส่งเสียงลนลานแทนจะทำแซนด์วิชหล่นไปซะอย่างนั้น
“หวะ หวา คัตจัง ก…ใกล้ ใกล้ ใกล้ไปแล้วว !” อิซึกุหลับตาปี๋แล้วยกจานแซนด์วิชขึ้นสูงเพราะกลัวทำหล่น ตัวสั่นนิด ๆเพราะตกใจจากความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองของวัน
บ้าจริง ดวงที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของเขามาบังเอิญใช้หมดพร้อมกันในวันนี้หรือไงนะ ทำไมถึงเจอเรื่องลัคกี้ทำนองนี้ถึงสองครั้งในวันเดียวได้เล่า !
ห….หัวใจเต้นรัวจนจะหยุดเต้นไปแล้ว
คนเราจะตายเพราะความตื่นเต้นได้รึเปล่านะ
เขาจะเป็นว่าที่ฮีโร่คนแรกที่ตายเพราะความตื่นเต้นรึเปล่านะ น่าอายจริง ๆ
“หา ? มากงใกล้อะไร สมัยก่อนตอนฉันอัดแกยับตอนนั้นก็ใกล้เหมือนกันเหอะ มาทำเป็นไม่เคย” คัตสึกิบ่นเสียงห้วน
เขานั่งเล่นในห้องตัวเองอยู่ดี ๆอยู่ ๆก็ดันมีเสียงงึมงำบ้าบอดังขึ้นไม่หยุด
ถ้าไม่อยู่กับเจ้าเดกุมานานจนรู้ว่ามันมีนิสัยเสีย ๆแบบนี้ เขาคงหาอะไรปาพรวดออกไปแทนที่จะลุกออกไปสวดมันถึงหน้าห้อง
“เพราะแกน่ะแหละ” เสียงทุ้มห้าวของคนเสียหลักพูดขึ้นใกล้ ๆใบหน้าที่กำลังหลับตาปี๋ “ไม่มีอะไรทำรึไง มาส่งเสียงน่าหนวกหูที่หน้าห้องของฉัน เล่นเอารำคาญจนต้องโผล่ไปด่า”
“ข…ขอโทษ” อิซึกุพึมพำ ค่อย ๆลืมตาเงยหน้าขึ้นมองคัตสึกิที่แม้จะมีท่าทีไม่สบอารมณ์ แต่อย่างน้อย เขาก็น่าจะปลอดภัยจากการโดนเจ้าของห้องไล่อัดยับในตอนนี้
ตาสีเขียวใสแจ๋วที่ฉายแววหวั่น ๆเหมือนสัตว์เล็กที่กำลังหวาดกลัวทำให้คัตสึกิพ่นลมออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ชอบทำท่ากลัวเขาอยู่เรื่อย
“แกมาทำไม” คัตสึกิถามเสียงห้วน พลางเงยหน้าไปมองทางอื่น คำถามจากเจ้าของห้อง ทำให้อิซึกุนึกได้ทันที เลยรีบชูจานแซนด์วิชในมือขึ้นระดับสายตา
“แซนด์วิช ! พ…พอดีเห็นว่าเย็นแล้ว คัตจังน่าจะไปโรงอาหารลำบาก เลยไปเอาแซนด์วิชมาให้” อิซึกุพูดรวดเดียวรัว ๆ แต่พอเห็นว่าสายตาของคัตสึกิย้ายกลับมาจ้องเป๋งที่ตัวเองแล้วก็พูดช้าลง พลางก้มหน้างุด “มะ…ไม่แน่ใจว่าคัตจังจะยังชอบแซนด์วิชแฮมชีสกับทงคัตสึอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า แต่ก็หยิบมาแล้วแหละ แหะ แหะ”
“วางตรงนั้น” คัตสึกิใช้มือข้างที่กอดคออิซึกุอยู่ชี้ไปที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวหนึ่งในห้อง อิซึกุพยักหน้าแล้วค่อย ๆพยุงคัตสึกิไปนั่งที่โต๊ะ ตาจ้องโต๊ะเป้าหมายสุดชีวิต พยายามที่จะไม่จ้องคนข้าง ๆในชุดเสื้อกล้ามตัวบางกับกางเกงผ้าขายาวเลยแม้แต่น้อย
พอเริ่มโต ๆมา เขากับคัตจังก็ห่างกันขึ้นเยอะมาก ไป ๆมา ๆชุดที่เห็นคัตจังใส่บ่อย ๆ ก็มีแต่ชุดกักคุรันตอนมอต้น พอย้ายมาที่ยูเอ ก็กลายเป็นชุดนักเรียน ชุดพละแล้วก็คอสตูมฮีโร่ ถึงแม้ตอนนี้ทุกคนจะอยู่ในหอพักที่เจอกันในชุดสบาย ๆบ่อยขึ้น แต่คัตจังก็ดันเป็นพวกไม่ชอบเข้ากลุ่มกับใคร
เพราะแบบนั้น คัตจังในชุดอยู่บ้านสบาย ๆเลยเป็นอะไรที่ค่อนข้าง….ตื่นตาตื่นใจสำหรับอิซึกุพอสมควร
ก็ไม่ได้เห็นมานานแล้วนี่นา
อิซึกุค่อย ๆประคองร่างสูงกว่าให้นั่งบนเก้าอี้พอคัตสึกินั่งได้มั่นคงดีแล้วก็ค่อย ๆถอยออกมายืนมองห่าง ๆ แบบลุ้น ๆ
คัตจังจะชอบแซนด์วิชที่เขาเอามาให้มั้ยนะ ?
อันที่จริง เขาเลือกแซนด์วิชสองไส้นี้มาเพราะจำได้ว่าเป็นแซนด์วิชที่คัตสึกิสมัยประถมชอบกินมาก มากซะจนบางทีก็แอบมาแย่งส่วนของเขาไปกินบ่อย ๆ
‘โฮ่ย เดกุ ! ส่งอันนั้นมา แกเอาอันนี้ไป !’
….สุดท้าย แซนด์วิชที่เขาได้กินก็มีแต่แซนวิชประเภทปลารมควัน ไม่ก็แซนด์วิชแตงกวาไปซะอย่างนั้น
ถึงแม้สมัยประถมจะเป็นช่วงที่คัตสึกิเริ่มกลั่นแกล้งเขาจริงจังมากขึ้น แต่ตอนแย่งแซนด์วิชไป คัตสึกิก็ยังอุตส่าห์ใจดีเอาอันอื่นมาให้แทนละน้า
ความทรงจำในสมัยประถมทำให้อิซึกุเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ในห้องที่ไร้ซึ่งบทสนาใด ๆ เสียงหลุดหัวเราะคิกของคนที่ยืนอยู่ ทำให้คนเจ็บทำหน้ามู่ทู่ไปใหญ่เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายหัวเราะขำที่เขากินด้วยท่าทางลำบาก
“ขำอะไร เดกุ !” คัตสึกิถามเสียงห้วน “ที่เอาของพรรค์นี้มาให้เพราะจงใจอยากเห็นตอนฉันลำบากงั้นเรอะ”
“ปละ…เปล่านะ ๆ” อิซึกุรีบปฏิเสธทันที “ก็เมนูอาหารเย็นวันนี้มีแต่ของทานยากทั้งนั้นเลยนี่นา คัตจังยังเจ็บมืออยู่ ผมเลยเลือกแซนด์วิชที่น่าจะกินง่ายที่สุดมาต่างหากล่ะ”
ได้ยินเหตุผลที่เจ้าตัวคิดมาล่วงหน้าแล้วด้วยความใส่ใจ คัตสึกิก็ได้แต่ทำเสียงหึในลำคออย่างหงุดหงิด ถึงแม้แซนดฺวิชจะเป็นอาหารที่ทานได้ง่ายก็จริง แต่สำหรับคัตสึกิที่แขนยังปวดระบมอยู่หน่อย ๆ โดยเฉพาะมือข้างที่ถนัด การยกแขนขึ้น ๆลง ๆแต่ละครั้งก็ทำให้คนขี้หงุดหงิดเริ่มนิ่วหน้า
อิซึกุที่เห็นสีหน้าแบบนั้นก็พูดขึ้นด้วยนำ้เสียงกล้า ๆกลัว ๆ
“ให้ผมช่วยมั้ย”
“ไม่ต้อง”
ก็นั่นสินะ….
อิซึกุยิ้มจืด ไม่แปลกใจสักนิดกับคำปฏิเสธที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าคัตจังกลียดความอ่อนแอ เกลียดการที่ต้องให้คนอื่นมาช่วยเหลือ ยิ่งคนอื่นที่ว่าเป็นเขา…มิโดริยะ อิซึกุด้วยแล้ว ความเกลียดที่ว่าน่าจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติหลายเท่า
เอาจริงๆแค่มาส่งแซนด์วิชแล้วคัตจังไม่ตะเพิดเขาออกไปพร้อมแซนด์วิช เขาก็รู้สึกว่า วันนี้คัตจังใจดีเป็นบ้าแล้ว
“….”
แต่จะหน้าด้านอยู่ทั้ง ๆที่ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลยซักอย่างเนี่ย มันก็เกินไปหน่อยมั้ยยย…อิซึกุถามตัวเอง รู้สึกเหมือนอยากจะกลายร่างเป็นคิริชิมะ เอย์จิโร่เป็นครั้งแรกในชีวิต
ถ้าเป็นคิริชิมะคุงละก็ ต้องมีเรื่องคุยกับคัตจังมากกว่านี้แน่ ๆเลย
“…ไม่กินรึไง” คำถามห้วนสั้นที่ดังขึ้นในบรรยากาศเงียบสงบ ทำให้อิซึกุทำตาโตอย่างแปลกใจ
ไม่คิดว่าจะมีวันที่คัตจังเริ่มคุยกับเขาก่อนดี ๆ ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
อา…ดวงดี ๆของปีนี้ต้องใช้หมดไปในวันนี้แน่ ๆเลย
อิซึกุคิดอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะรีบตอบเพราะเริ่มเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ขึ้นมาของคนขี้หงุดหงิดแล้ว
“พ…พอดียกมาให้แค่ส่วนของคัตจังน่ะ รีบไปหน่อยก็เลยลืมของตัวเองไปเลย” อิซึกุยกมือขึ้นเกาหัวแบบเขิน ๆ ก่อนจะหัวเราะแหะ ๆ
“ไปเอาเก้าอี้ตรงโน้นมา แล้วมานั่งกินซะ” คัตสึกิสั่งเสียงห้วน พลางชี้ไปที่เก้าอี้ที่มีชุดเครื่องแบบยูเอพาดไว้อยู่
“เอ๋ นี่มันแซนด์วิชส่วนของคน ๆเดียว แบ่งกันแบบนี้เดี๋ยวก็กินไม่อิ่มหรอก” อิซึกุปฏิเสธ แต่ก็เดินไปคว้าเก้าอี้ตัวที่ว่ามานั่ง
ให้ยืนเลิ่กลั่กอยู่กลางห้องแบบนั้นน่ะมันตลกจะตาย
“หา !?” คัตสึกิว่าเสียงห้วน “เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งฉันแล้วเรอะ !? สั่งให้กินก็กิน อย่าพูดมากได้มั้ย !”
“ก…ก็ได้” อิซึกุพยักหน้า แล้วเอื้อมมือมาหยิบแซนด์วิชไปหนึ่งชิ้น “ขอรับไปแค่ชิ้นเดียวพอละกันนะ จริง ๆแล้วผมไม่ค่อยหิวน่ะ”
“เรื่องของแก” คัตสึกิตอบสั้น ๆ แล้วหันกลับไปนั่งกัดแซนด์วิชกร้วม ๆเหมือนเดิม
อันที่จริง แซนด์วิชนี่ก็อร่อยใช่ได้สมกับที่มาจากโรงอาหารของโรงเรียน
แต่จะให้ยอมรับว่าเดกุมันเลือกมาได้ไม่เลว แถมยังจำไส้แซนด์วิชที่เขาชอบได้อยู่ก็รู้สึกขัดใจ…คัตสึกิคิด พลางกัดแซนด์วิชกร้วม ๆแก้หงุดหงิด สวนทางกับอิซึกุที่ค่อย ๆกัดทีละคำอย่างไม่รีบร้อน แต่เพราะจำนวนมีน้อยกว่า ใช้เวลาแค่แป๊ปเดียว อิซึกุก็กินแซนด์วิชเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่คัตสึกิยังเหลือแซนด์วิชในจานอีกประมาณสองชิ้นเล็ก ๆ
อิซึกุที่กินเสร็จก่อนได้แต่หันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี จะหันไปชวนเจ้าของห้องคุยก็เห็นท่าทางกำลังหงุดหงิดจนไม่กล้าชวนคุยอะไรก่อน จะไปนอนเกลือกกลิ้งเล่น หรือหยิบเอาเกมออกมาเล่นเหมือนตอนที่ไปเล่นที่ห้องเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆเขาก็ไม่กล้าพอ
นั่งหันซ้ายหันขวาอยู่สักพัก อิซึกุก็ไปเจออะไรบางอย่างที่ดูคุ้นตา
เอ๊ะ นั่นมัน….!
“ว้าว นี่มันหนังสือโฟโต้บุ๊กแบบลิมิเต็ดของออลไมท์ที่ออกมาเมื่อประมาณหกปีก่อนนี่นา !” ด้วยความลืมตัว ติ่งออลไมท์แบบถวายหัวอย่างอิซึกุก็รีบพุ่งตัวไปที่ชั้นหนังสือที่มีหนังสือเล่มใหญ่ สันปกสีทองตัดน้ำเงินสว่างอร่ามแสบตาโดดเด่นเด้งออกมาจากบรรดาทั้งหมดในชั้นวางทันที แต่ด้วยความเกรงใจเจ้าของห้องที่ยังเหลืออยู่บ้าง เด็กหนุ่มเลยได้แต่ยืนกำมือเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้นหน้าชั้นวางหนังสือ
“ยอดเลย ทำไมเล่มนี้ผมถึงยังไม่มีกันนะ” อิซึกุพึมพำกับตัวเองอย่างแปลกใจ
ตัวเขาเองก็ว่าตัวเองเป็นสุดยอดติ่งของออลไมท์แล้วนะ ของสะสมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฟิกเกอร์ มังงะ กู้ดส์ฮีโร่ต่าง ๆที่ขยันออกมาทุกปี ๆเขาพยายามเก็บเงินซื้อเองทั้งหมด ถึงแม้จะลำบากไปสำหรับอิซึกุในวัยเด็กนิดหน่อย แต่อย่างน้อย เขาก็ภูมิใจมากที่ตัวเองเก็บกู้ดส์ออฟฟิศเชียลชิ้นใหญ่ ๆที่สมาคมติ่งออลไท์พร้อมใจกันยกขึ้นหิ้ง ‘ของมันต้องมี’ ครบเกือบทุกชิ้นเท่าที่ความสามารถของเขาในวัยนั้นจะทำได้
แต่เล่มนี้…พอนึกขึ้นได้ อิซึกุก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
จำได้ว่า วันนั้นเขาในสมัยประถมถูกพวกคัตจังแกล้งจนไม่สบายหนัก ทำให้ออกไปซื้อโฟโต้บุ๊กออลไมท์ที่เปิดขายเพียงวันนั้นวันเดียวไมไ่ด้ พอรีบร้อนไปที่ร้านอีกที โฟโต้บุ๊กที่ทำออกมาจำนวนจำกัดก็ขายหมดเกลี้ยงเสียแล้ว
จำได้ว่า เขาร้องไห้เสียใจอยู่นานทีเดียว
“เดกุ เอามานี่” คัตสึกิว่า พลางกระดิกนิ้วทำท่าให้เดินเข้าไปหา อิซึกุเลยค่อย ๆหยิบหนังสือออกมาจากชั้นวางอย่างระมัดระวัง แล้วเดินถือกลับไปให้เจ้าของห้อง
“หันหลังไปทางโน้น” คัตสึกิสั่ง คำสั่งประหลาดที่ดูผิดเวลาทำให้อิซึกุทำหน้าเอ๋อใส่
“หา ?”
“บอกให้หันไปทางโน้นไงวะ ถ้าแกหันกลับมาก่อนที่ฉันจะสั่งให้หัน ไม่ให้อ่าน” คำสั่งเสียงห้วนที่ทำให้อิซึกุรีบลลานหันหน้าไปอีกทางอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะอยากรู้ว่า ทำไมคัตสึกิต้องออกคำสั่งประหลาดแบบนั้น แต่ความอยากอ่านโฟโต้บุ๊กเล่มพิเศษมีมากกว่า ทำให้อิซึกุหันหน้าไปอีกทางอย่างเชื่อฟัง
เหอะ พอเป็นเรื่องออลไมท์ปุ๊ป สั่งให้ทำอะไรก็ยอมทำซะหมด…คัตสึกิค่อนขอดในใจ มือก็รีบจัดการฉีกสิ่งที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นออกไปทันที
แคว่ก !
เสียงกระดาษฉีกขาดดังขึ้นเบา ๆในความเงียบ ทำให้อิซึกุใจหล่นวูบนิดหน่อย เมื่อคิดได้ว่า คัตสึกิอาจจะฉีกหน้าบางหน้าในหนังสือเล่มพิเศษทิ้ง
“คะ…คัตจัง ?”
“หันมาได้แล้ว” แทนคำตอบ คัตสึกิกลับออกำสั่งให้อีกฝ่ายหันกลับมาตามปกติแทน พอหันกลับมา หนังสือโฟโต้บุ๊กเล่มพิเศษสีสันแสบตาก็ลอยอยู่ตรงหน้า
“ห้ามเอาออกจากห้อง” คัตสึกิสั่งห้วน ๆ แล้วหันไปสนใจหนังสือเรียนที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะแทน
“ขอบคุณนะ คัตจัง” อิซึกุยิ้มกว้างแล้วรีบรับหนังสือมาทันที ก่อนจะรีบจัดแจงหาที่นั่งให้ตัวเอง
บนเตียงของคัตจังอาจจะดูมากเกินไปหน่อย แต่ถ้าข้าง ๆเตียงละก็…คงไม่เป็นไรมั้ง
อิซึกุคิด ขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงของคัตสึกิ แล้วเริ่มเปิดหนังสือเล่มใหญ่อย่างตื่นเต้น
“ว้าวว” น้ำเสียงตื่นเต้นจากคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงทำให้คัตสึกิเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง ก่อนจะแค่นเสียงในลำคอนิด ๆเมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า
เหอะ ทีเรื่องแบบนี้ละยิ้มกว้างขึ้นมาเชียว
ตอนอื่น ๆอยู่ต่อหน้าเขาทีไรก็เอาแต่ทำหน้าแหยง ๆ ไม่ก็สีหน้าจริงจังตลอดทั้งนั้น
ต่างคนต่างก็ใช้เวลาอยู่ในมุมของตัวเองชนิดที่ถ้าเพื่อนชาวห้องเอคนอื่นมาเห็น น่าจะอยากขอถ่ายรูปไปเป็นที่ระลึกที่สองคนที่ดูจะมีปัญหากันที่สุดในห้องดันมานั่งใช้เวลาเงียบ ๆในห้องห้องเดียวกันได้
พอเปิดไปได้สักพัก อิซึกุก็อดที่จะหยุดมือที่กำลังพลิกไปหน้าถัดไป แล้วเงยหน้ามองแผ่นหลังของคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือเรียนไม่ได้ ภาพคัตสึกิที่กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือเรียนอย่างขะมักเขม้นนั้นดูแปลกตา แต่ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่
ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกของคัตจังจะทั้งขี้หงุดหงิด เสียงดัง น่ากลัวและไม่ค่อยสนใจคนอื่น พูดง่าย ๆคือ ภาพลักษณ์ไม่ให้ว่าจะเป็นคนขยัน ตั้งใจเรียนแบบเอาจริงเอาจังเลยสักนิด แต่เขารู้…รู้ว่าที่ผ่านมา คัตจังคือคนที่พยายามมากกว่าใคร ๆ
ถึงแม้จะมีพรสวรรค์และอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่เพราะคัตจังพยายามปีนป่ายขึ้นไปให้สูงขึ้นเสมอ เขาถึงได้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆเก่งขึ้นเรื่อย ๆ
…จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะอันแข็งแกร่งในใจอิซึกุมาตลอด
…
คัตสึกิที่อยู่ในช่วงพักสายตา ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งบีบที่หัวคิ้วเบา ๆ
เพราะแขนที่ยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ทำให้การอ่านทบทวนบทเรียนในวันนี้เป็นไปได้แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สำหรับคัตสึกิแล้ว…วันนี้ก็ถือว่าไม่เลวเท่าไหร่
แต่จะว่าไป หมอนั่นยังอ่านไม่จบอีกเรอะ เป็นแค่โฟโต้บุ๊กแท้ ๆ ทำไมดันใช้เวลาดูมากกว่าหนังสือเรียนอีก ? คัตสึกิคิดในใจ พร้อมกับหมุนเก้าอี้หันไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง
“เฮ้ย ! เล่มนั้นห้ามเปิด !”
บ้าเอ๊ย เพราะไม่เคยคิดว่าวันนึงเจ้าโง่เดกุจะมานั่งเล่นในห้องเขาได้ ส่วนเพื่อนที่มีความกล้าพอจะแวะเวียนมาห้องเขาบ่อย ๆก็ไม่มีความสนใจในชั้นวางหนังสือของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาถึงไม่เคยเอาไปเก็บให้ดี
ปัง !
ด้วยความลืมตัวคัตสึกิรีบยกแขนไปข้างหลังแล้วปล่อยอัตลักษณ์ระเบิดทันที และความที่ไม่ค่อยใช้อัตลักษณ์กับแขนข้างเดียวในการเคลื่อนไหวมาก่อน เมื่อรวมกับสภาพทุลักทุเลในปัจจุบัน ทำให้คัตสึกิกะระยะห่างพลาด จากที่กะว่าจะพุ่งไปคว้าหนังสือเล่มนั้น กลับกลายเป็นพุ่งเฉียงลงไปชนร่างของคนตัวเล็กกว่าที่นั่งถือหนังสืออยู่กับพื้น ชนคว่ำทั้งคนทั้งหนังสือจนของข้างในกระจายไปหมด
“โอย…” อิซึกุพึมพำ รู้สึกเหมือนจังหวะที่โดนชนหัวเอนไปข้างหลังชนเตียงเต็ม ๆ โชคดีที่หัวเขาไปชนฟูก เลยแค่มึนนิดหน่อย ไม่ถึงกับเจ็บอะไร แต่อีกฝ่ายที่พุ่งมาชนเนี่ยสิ
สภาพปัจจุบันก็เดี้ยงอยู่แล้ว ตอนนี้เลยแทบขยับตัวไม่ไหว แต่ที่สำคัญ…
“คะ คัตจัง” อิซึกุเรียกชื่อเพื่อนสมัยเด็กเสียงเบาหวิวเมื่อนิ่วหน้าลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นอีกฝ่ายอยู่ในระยะใกล้จนน่าตกใจ
ต้องเป็นเพราะการกะระยะห่างเมื่อกี๊พลาดแน่ ๆ ทำให้คัตจังแทบจะเกยมาอยู่บนตัวเขาแบบนี้
แขนที่เจ็บอยู่ทำให้เจ้าตัวมีปัญหาในการออกแรง ตอนนี้คัตสึกิเลยมีปัญญาแค่ยกแขนกั้นกักตัวอิซึกุเอาไว้ข้างเดียวแบบนี้
โอย ตายแล้ว หัวใจ…อิซึกุรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าเขาต้องแดงอยู่มากแน่ ๆ หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะอย่างบ้าคลั่ง แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปไกลกว่านั้น อิซึกุก็พยายามบังคับให้ตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันก่อน
“จริงด้วย ขา….ขาไม่เป็นไรใช่มั้ยคัตจัง” อิซึกุถามแล้วรีบกวาดสายตามองขาข้างที่เจ็บอยู่ของคัตสึกิทันที โชคดีที่ตอนล้มคัตสึกิคงพลิกตัวหรือทำอะไรสักอย่างทัน ทำให้ขาข้างที่เข้าเฝือกอ่อนอยู่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใบหน้าของคนเพิ่งล้มมาหมาด ๆก็แสดงสีหน้าเหยเกจากความเจ็บปวดอยู่ดี
“ไม่” คัตสึกิกัดฟันตอบ พยายามขยับตัวออกห่างจากอิซึกุ นัยน์ตาสีเขียวสดใสของอิซึกุก็พยายามเสมองไปทางอื่น ไม่อยากเห็นภาพความใกล้ชิดชวนหัวใจวายที่อาจจะทำให้เขาตายก่อนวัยอันควรบ่อย ๆ พอมองไปทางอื่นก็เห็นของที่กระจัดกระจายจากการชนกับคว่ำเมื่อครู่
“หวา ของข้างในกระจายออกมาหมดเลย เดี๋ยวผมช่วยเก็บให้ละกันนะ” อิซึกุพูด ทำท่าเหมือนจะขยับตัวไปเก็บรูปใบหนึ่งที่คว่ำอยู่บนพื้นใกล้ตัวที่สุด แต่ไม่ทันที่จะพลิกรูปกลับมาดูว่าเป็นรูปอะไร เสียงร้องห้ามอย่างดุดันก็ดังมาจากคนที่เพิ่งขยับตัวออกห่างเมื่อครู่ก่อน
“อย่าแตะ !”
เสียงตวาดน่ากลัว ทำให้ร่างกายที่มีปฏิกิริยากับเสียงนี้อยู่แล้วสะดุ้งโหยงแล้วแล้วเผลอปล่อยมือทันที กลายเป็นว่า รูปที่เพิ่งเก็บขึ้นมาค่อย ๆร่วงลงกับพื้นอีกครั้ง
อารามตกใจ อิซึกุรีบคว้ามือคว้าไม้กลางอากาศเพื่อจับรูปใบนั้นไว้ สลับมือวนไปวนมาในอากาศอยู่สองสามครั้ง ในที่สุด เขาก็จับรูปใบนั้นได้
ถึงแม้จะอยู่ในสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เถอะ…อิซึกุมองรูปที่ยับยู่ยี่ในมือแล้วยิ้มแหย ในใจรู้เลยว่า ของที่ยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อไม่ให้เขาเห็นน่าจะเป็นของสำคัญ แล้วเขาก็ดันทำหนึ่งในรูปใบสำคัญนั้นยับซะแล้ว
“ขะ…ขอโทษนะคัตจัง เมื่อกี๊มัน…ตกใจไปหน่อย” อิซึกุเอ่ยขอโทษเสียงเบา เตรียมทำคอย่นเพื่อรับเสียงดุด่าที่ได้ยินจนเคยชิน “ทำรูปยับซะแล้ว”
มือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นจากการฝึกซ้อมค่อย ๆคลี่รูปยับ ๆในมือออกมาเหมือนมันจะช่วยลดโทษของตัวเองได้ แต่อิซึกุไม่รู้เลยว่า ทันทีที่มือของเขาขยับคลี่รูปออก คัตสึกิก็รู้สึกเหมือนอยากจะหายไปจากโลกขึ้นมาทันทีทันใด
ให้ตายเหอะ ! บอกแล้วว่าอยากแตะแท้ๆ เชียว
รูปยับยู่ยี่ถูกคลี่ออกจนกว้าง เผยให้เห็นภาพคุ้นตาที่อิซึกุรู้สึกคุ้น ๆว่าจะมีอยู่ที่บ้านเขาเหมือนกัน
“เอ๊ะ รูปนี่มัน…พวกเรานี่ ?”
ในมือเขาคือรูปของมิโดริยะ อิซึกุ และบาคุโก คัตสึกิ ในวัยเด็ก ถ้าจำไม่ผิด รูปนี้ถ่ายตอนที่ทั้งสองครอบครัวไปเดินเขาด้วยกันจังหวัดใกล้ ๆ พวกแม่ ๆที่ยังเห่อพวกเขาตอนยังเด็กมากอยากจะถ่ายรูปคู่ของพวกเขาด้วยกัน แต่คัตจังที่หัวแข็งมาตั้งแต่เด็กไม่ยอม หลังจากบังคับจนได้รูปคู่ประหลาด ๆมาหลายรูป สุดท้ายก็ได้รูปที่พอจะเรียกได้ว่า ดูดี ขึ้นมาหนึ่งรูป
และหนึ่งในรูปที่พอจะดูดีในตอนนั้น คือรูปที่อยู่ในมือเขาตอนนี้
หมายความว่ายังไง ?
อิซึกุหันไปมองคนที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีกอย่างแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจฝืนคำสั่งของอีกฝ่าย แล้วก้มลงเก็บรูปที่คว่ำบ้างหงายบ้างบนพื้นขึ้นมา
ทุกรูปต่างก็เป็นรูปของพวกเขาในวัยเด็กแทบทั้งหมด…
ยิ่งหยิบรูปแต่ละใบขึ้นมาดู หัวใจของอิซึกุก็เริ่มเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นทีละน้อย
มีทั้งรูปคู่กันในพิธีปฐมนิเทศน์ตอนเข้าชั้นประถม งานกีฬาสีสมัยอนุบาล กิจกรรมทัศนศึกษาในช่วงประถมต้น และอีกหลายใบที่เป็นกิจกรรมในวัยเด็ก มีบางรูปมีรูปเดี่ยวของเขาในช่วงมัธยมต้นบ้าง แต่ก็เป็นรูปที่ดูไม่ค่อยจืดเท่าไหร่ เพราะชีวิตในช่วงนั้นเขาโดนแกล้งหนักมาก รูปที่ถ่ายออกมามีแต่รูปที่เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเองทั้งนั้น
จนกระทั่งรูปสุดท้ายที่อิซึกุหยิบขึ้นมา คือตัวเขาเองในชุดเครื่องแบบยูเอ
จำได้ดีว่ารูปนั้นคือรูปที่แม่ขอถ่ายในวันที่เขาลองชุดเครื่องแบบเป็นครั้งแรก
แต่ไม่รู้ว่ารูปใบนี้มาอยู่กับคัตจังได้ยังไง
ยิ่งกว่าความเป็นมาของรูปใบนี้ คือทำไมคัตจังต้องเก็บรูปของพวกเขาในวัยเด็กเอาไว้ในนี้ ถ้าเป็นอัลบั้มวัยเด็กธรรมดา อัลบั้มนั้นก็ควรจะอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่ที่หอพักโรงเรียนแบบนี้
แล้วยังท่าทางเหมือนไม่อยากให้เขาเห็นนั่นอีก
….
หนึ่งในไม่กี่ผลลัพธ์เท่าที่สมองอืด ๆของอิซุกุในตอนนี้จะประมวลผลได้ ทำให้รอยยิ้มประหลาดค่อย ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก
ในอกรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ค่อยถูก
…ครั้งนี้ จะขอคิดเข้าข้างตัวเองบ้างได้มั้ยนะ ?
มือที่ถือรูปอยู่ค่อย ๆ วางรูปเหล่านั้นลงบนพื้นข้างตัวอย่างเบามือ แล้วค่อย ๆเงยหน้าขึ้นมองคัตสึกิที่ตอนนี้ทำสีหน้าประหลาด เหมือนเจ้าตัวอยากจะด่าแต่ก็ไม่รู้จะด่าอะไร เหมือนกำลังโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่เห็นออกวาจาเผ็ดร้อนอย่างทุกที
“คัตจัง”
“…” แทนคำตอบ เจ้าของชื่อกลับยกสองมือขึ้นปิดหน้าอย่างไม่รู้จะซ่อนใบหน้ายังไงให้ดีกว่านี้ได้แล้ว
บ้าเอ๊ย ถ้าขาไม่เดี้ยงอยู่ป่านนี้เจ้าเดกุได้บินออกนอกหน้าต่างไปแล้วเหอะ !
“ทั้ง ๆที่ชอบแกล้งผมมาตั้งแต่เด็กแท้ ๆทำไมกลับเก็บรูปของพวกเราตอนเด็ก ๆไว้แบบนี้ล่ะ” อิซึกุถามเสียงเบา สองมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลวางบนหัวไหล่และทาบลงบนมือที่ปิดหน้าอยู่ข้างหนึ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กมัธยมต้นค่อย ๆโน้มเข้าหาสองมือของคัตสึกิที่ยกขึ้นิดหน้าอยู่ช้า ๆ ก่อนจะทาบทับริมฝีปากอุ่นร้อนบนหลังมือของคนที่กำลังเขินอยู่
สัมผัสไม่คุ้นชินทำให้คนที่มองอะไรไม่เห็นถึงกับสะดุ้งโหยง เผลอลดมือที่ปิดหน้าอยู่ลงเผยให้เห็นใบหน้าแดง ๆและท่าทางเลิ่กลั่กปนโกรธที่ดูแปลกตา
“อึก ! แก…”
…น่ารัก
คัตจังที่เป็นอย่างนี้น่ารักมาก…น่ารักจนอยากจะเก็บไว้มองบ่อย ๆ
กริ๊ก…
อิซึกุรู้สึกเหมือนสีหน้าของคัตสึกิในตอนนี้ไปสับสวิตซ์บางอย่างในตัวเขาขึ้นมา
อยู่ ๆก็อยากให้คัตจังทำหน้าแบบนี้อีกเยอะ ๆ…
อารมณ์อยากแกล้งขึ้นมาชั่ววูบทำให้อิซึกุที่ปกติต้องลนลานถอยห่างกลับเบียดตัวเองเข้าไปใกล้คนเจ็บที่กระดิกหนีไปไหนไม่รอด เท้าแขนข้างหนึ่งไว้กับฟูกเตียงแล้วก้มหน้าลงไปใกล้
“ทำไมกันนะ หืมม ?” น้ำเสียงทุ้มพร่าจากเด็กหนุ่มที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัวทำให้คัตสึกิรู้สึกวูบวาบจนต้องก้มหน้าลงแล้วพยายามยันใบหน้าที่ตอนนี้เริ่มดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจออกไปห่าง ๆ
ปกติเป็นแค่กระต่ายตื่นตูมที่เอาแต่วิ่งหนีเขาแท้ ๆ
แต่อยู่ ๆหมอนี่ก็กลับเหมือนเป็นคนละคน
หรือที่ผ่านมามันคือการตอแหลแบบหมาป่าห่มหนังแกะเพื่อล่อให้เขาเข้าไปใกล้ ๆโดยไม่รู้สึกถึงอันตรายกันนะ ?
“…ออกไป”
คัตสึกิที่ยังคงก้มหน้าอยู่ออกแรงดันอกของอิซึกุแรงขึ้นอีกจนแขนแข็งแรงสั่นเล็ก ๆ แต่ก็ไร้ผล ท่าทางเหมือนสัตว์เล็กที่กำลังต่อสู้อยู่ทำให้อิซึกุผุดยิ้มออกมา
ท่าทางตอนเขินจนทำอะไรไม่ถูกของคัตจังก็น่ารัก…อิซึกุคิดแล้วขยับยิ้มกว้างขึ้นอีก
“ทั้ง ๆที่ดูเกลียดขี้หน้าผมมาตลอดขนาดนี้ ทำไมถึงมีรูปของผมเต็มไปหมดกันนะ ?” แทนที่จะถอยออกไปตามคำสั่ง มือข้างที่ว่างกลับวางทาบลงบนพื้นใกล้ ๆสะโพกของอีกฝ่าย แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนคัตสึกิที่ถดตัวถอยจนแทบจะรวมร่างกับฟูกนอนอยู่แล้ว
“ทั้ง ๆที่ถ้าทำแบบนี้ในเวลาปกติ คัตจังน่าจะถีบผมออกไปเต็มแรงแท้ ๆ ทำไมตอนนี้คัตจังถึงได้เขินจนอ่อนแรงไปหมดอย่างนี้กันนะ” คำถามถัดมามาพร้อมกับมือที่เชยคางแข็งแรงขึ้นน้อย ๆ เหมือนบังคับให้สบตาด้วย สุ้มเสียงดูยั่วเย้า ไม่เหมือนเจ้ากากเดกุคนเดิมเลยสักนิด
ไม่รู้มันไปกินยาอะไรผิดมา
หมับ !
คัตสึกิใช้มือข้างที่แทบจะหายดีแล้วจับข้อมือข้างที่เชยคางเขาอยู่แน่น
“ออกไป” คัตสึกิย้ำคำเสียงต่ำ
น้ำเสียงดุ ๆกับสีหน้าน่ากลัวที่ปกติอิซึกุน่าจะรีบทำตามแบบไม่มีบิดพลิ้ว ตอนนี้อิซึกุคนที่ถูกสับสวิตซ์ตื่นขึ้นมากลับมองว่าเหมือนเป็นการพองขนขู่ของสัตว์โลกตัวเล็ก ๆน่ารัก ๆไปเสียอย่างนั้น
คัตจังเนี่ย…ไม่ว่าจะตอนไหนก็น่ารักไปหมดจริง ๆด้วย
อิซึกุยิ้มบาง ก่อนจะเกร็งแรงมือต้านเอาไว้แล้วรีบก้มลงฉกฉวยหาความอบอุ่นจากริมฝีปากที่ปกติมักจะพ่นแต่คำด่าแสบร้อน
อืมม พอปากนี้ไม่ขยับส่งเสียงด่าอะไรแล้ว มันช่าง…อิซึกุคิด ขณะหลับตาแล้วปล่อยตัวไปตามอารมณ์ของตัวเอง
“อื้อ !”
สัมผัสวาบหวามที่ไม่คุ้นเคยทำให้คัตสึกิเบิกตากว้าง ตอนแรกเขาทั้งดิ้น ทั้งผลัก แต่น่าแปลก…ทั้ง ๆที่ตลอดมาเจ้าเดกุไม่เคยสู้แรงเขาได้สักครั้ง แต่ครั้งนี้…
เขาไม่อาจะหนีพ้นได้เลย
แค่เผลอใจเพียงวูบเดียว สัมผัสหวานจากคนตรงหน้าก็ทำให้คัตสึกิเผลอลดแรงของตัวเองลง เสียงเล็ก ๆในใจของเขากระซิบบอกอะไรบางอย่าง
จากนั้นนัยน์ตาสีแดงที่ฉายแววขัดขืนในตอนแรกก็ค่อย ๆปรือตาลงแล้วเริ่มตอบรับสัมผัสหอมหวาน
…
เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนเริ่มหายใจไม่ออก อิซึกุก็ค่อย ๆผละออกจากริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่ง นัยน์ตาสีเขียวค่อย ๆช้อนมองขึ้นสบอย่างอาลัยอาวรณ์เหมือนไม่อยากผละจาก ในขณะที่คัตสึกิค่อย ๆยกหลังมือขึ้นบังปากตัวเอง แล้วเสมองทางอื่นพร้อมกับรอยแดงจาง ๆที่เห่อขึ้นบนใบหน้า
“…ไอ้บ้ากาม” คำด่าอุบอิบจากคนเขินทำให้อิซึกุค่อย ๆยิ้มกว้าง เหมือนมีอะไรพองฟูในอกจนแทบจะล้นออกมา จนอดไม่ได้ที่จะต้องก้มหน้าลงให้รางวัลจนทำตัวน่ารักอีกรอบ
จุ๊บ !
“ไอ้โรคจิต ! ไอ้ $!)#&!&(!*^#(!__T$ ไปตายซะ !” เสียงด่ารัว ๆ เหมือนคนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ ทำให้อิซึึกุหัวเราะอย่างชอบใจ
ดวงตาที่เป็นประกายสดใสเหมือนเด็กได้ของเล่นที่ชอบทำให้คัตสึกิที่ตอนนี้ยกหลังมือขึ้นบังริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองอยู่แทบทนมองต่อไปไม่ได้
ให้ตาย ให้ตาย ให้ตาย
ความลับที่เพียรจะเก็บไว้ถึงขั้นอยากจะปาใส่หีบแล้วตอกหมุดล็อกไว้ตลอดชีวิตดันมาแตกโพล๊ะรัว ๆต่อหน้าเจ้ากากที่เขาไม่อยากให้มันรู้ที่สุดว่าแย่แล้ว
อยู่ ๆมันก็ดันเป็นบ้า กล้าฉวยโอกาสทำอย่างนั้นอย่างนี้กับเขาขึ้นมาอีก !
…อยากหายไปจากโลกนี้ชะมัด
อายโว้ย !
“คัตจัง”
“หา ?” คัตสึกิถามเสียงห้วน
“คืนนี้ขอค้างที่นี่เลยได้มั้ย”
“….”
“….?”
“ออกไป !!!”
ปัง ! ปัง ! ปัง !
ถึงแม้อิซึกุจะพลิกตัวหลบออกมานอกห้องแล้ว เสียงระเบิดยังคงดังไล่หลังตูมตามจากคนพลาดท่าจนเพื่อน ๆที่อยู่ชั้นล่างชะโงกหัวขึ้นมาดูอย่างสนใจ
อิซึกุส่ายหน้ายิ้ม ๆให้เพื่อน ๆเหมือนจะบอกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แต่ในใจกลับคิดว่า
…คัตจังที่เป็นแบบนี้ น่ารักมากจริง ๆด้วย
หลังจากนี้เขาคงจะปล่อยอีกฝ่ายให้ไปไหนไกล ๆ ไม่ได้อีกแล้วล่ะ
ร่างเล็กของอิซึกุเดินลงจากบันไดอย่างอารมณ์ดี ในมือก็ถือเศษกระดาษแผ่นเล็ก ๆเก่า ๆที่มีรอยฉีกอยู่ ถ้าเพื่อนคนไหนตาดีหน่อยก็จะเห็นว่า บนกระดาษมีลายมือยึกยือของเด็กเขียนอยู่เพียงสามพยางค์สั้น ๆ
‘ให้เดกุ’
ฮืม แบบนี้เขาก็มีข้ออ้างจะไปหาคัตจังคราวหน้าอีกแล้วใช่หรือเปล่านะ ?
——————————————————————————-
สุดท้ายไป ๆมา ๆก็พลิกกลับมาเป็นเดคัตจนได้ 555555 ส่วนตัวชอบตอนที่น้องเดพลิกกลับมาเป็นฝ่ายล่าจริง ๆค่ะ เห็นแล้วแบบกร๊าวใจคุณแม่อย่างเรา ๆมาก ฮื้ออออ ❤
>> กลับมาแต่งฟิคอีกครั้งหลังจากไม่ได้แต่งมานานมาก ยังไม่ค่อยชินมือเท่าไหร่ รู้สึกภาษาก็แปลกอยู่หน่อย ๆ แต่ BNHA ทำให้หวีดได้แรงมากจริง ๆ ค่ะ ฮือ เอ็นดูทุกคนเลยย