[Katsuki x Deku] Happy Birthday

แอ๊ด…

เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่ร่างสูงของโปรฮีโร่กราวด์ซีโร่ในชุดไปรเวทเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นผู้ป่วยระดับ VVIP ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง

ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเกินหน้าเกินตาคนไข้ในห้องพักธรรมดาไปมากโข ไม่ว่าจะเป็นทีวีจอขนาดใหญ่เบิ้มจนน่าสงสัยว่าคนไข้จะต้องการทีวีใหญ่ขนาดนั้นไปทำไม หรือจะเป็นชุดรับแขก และเครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกให้คนที่มาเฝ้าไข้ที่ดูจะสะดวกสบายมากกว่าการใช้ชีวิตในบ้านพักธรรมดา ๆ ของตัวเองเสียอีก

แต่ก็แหงล่ะ ห้องพักฟื้นของท็อปฮีโร่ยุคปัจจุบันจะธรรมดาน้อยกว่านี้ได้ยังไง…คัตสึกิแค่นยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะวางกระเป๋าเป้บนโซฟาตัวใหญ่แล้วเดินไปวางช่อดอกไม้สีขาวลงกับโต๊ะข้างเตียงคนป่วย

ร่างหลับใหลของมิโดริยะ อิซึกุที่นอนหลับมานานกว่าครึ่งปีในชุดคนไข้อยู่ตรงหน้าเขา

ปลายนิ้วที่มีรอยแผลถลอกเล็กน้อยจากการบู๊กับคนร้ายตัวเล็กตัวน้อยที่บังเอิญพบระหว่างทางมาโรงพยาบาลค่อย ๆ เอื้อมไปแตะข้างแก้มของคนที่หลับอยู่ช้า ๆ แล้วขยับไปปัดผมหยักศกที่ตกลงมาบังหน้าเบา ๆ

เสียงเตือนปิ๊ป ๆ เบา ๆ จากเครื่องอะไรสักอย่างที่ต่อตรงจากตัวของอิซึกุทำให้คัตสึกิหลับตาลง ปลายนิ้วสั่นน้อย ๆ อย่างพยายามข่มใจ

ถึงแม้จะรู้สึกรำคาญเสียงเครื่องนี่เล็ก ๆ แต่อย่างน้อยการที่เจ้าเครื่องน่าหงุดหงิดยังส่งเสียงดังอยู่ก็แปลว่า อีกฝ่ายยังไม่หนีหายไปไหนไกล…

เมื่อครึ่งปีก่อน อิซึกุกับทีมโปรฮีโร่ของเขาออกปฏิบัติการทลายห้องทดลองผิดกฎหมายที่ทดลองเรื่องอัตลักษณ์กับคนเป็น ๆ เพราะเจ้าของแล็ปนรกนั่นดันเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการแพทย์ แถมยังหลุดจากหลาย ๆ คดีมาได้แบบสวย ๆ ตลอด ทำให้การปฏิบัติการครั้งนั้นมีความสำคัญมาก นอกจากจะได้ช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกทดลองแล้ว ยังเป็นโอกาสดีจะที่ได้กำจัดแมลงชั่วร้ายของสังคมออกไปอีกด้วย

ถึงแม้ทีมฮีโร่จะปิดจ๊อบได้อย่างสวยงาม สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทดลองที่ยังมีชีวิตออกไปได้และมีหลักฐานมัดตัวเจ้าของแล็ปแบบดิ้นไม่หลุด แต่การปฏิบัติการครั้งนั้นกลับแลกมาด้วยอาการโคม่าของท็อปฮีโร่ที่คนทั้งประเทศรัก

อุปกรณ์หน้าตาประหลาดและสารเคมีอันตรายในห้องทดลองทำให้อิซึกุที่ไม่ทันระวังตัวบาดเจ็บ

อัตลักษณ์จากตัวทดลองที่ถูกเปลี่ยนจากมนุษย์ปกติให้กลายเป็นสิ่งชีวิตที่เรียกขานชื่อไม่ถูกทำให้ฮีโร่เดกุที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดแล็ปใต้ดินเกือบเรียบร้อยแล้วสลบไป

…และตั้งแต่ตอนนั้น ฮีโร่เดกุก็ไม่ฟื้นอีกเลย

เวลาจากวันกลายเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์กลายเป็นเดือน และจากเดือนกลายเป็นหลายเดือนจนครบครึ่งปี อิซึกุก็ยังไม่ฟื้น บาดแผลภายนอกหายไปหมดแล้วก็จริง แต่ไม่ว่าจะทำยังไง เจ้าตัวก็ยังไม่ฟื้น

ทีมแพทย์พยายามหาวิธีรักษา แต่ก็จนปัญญา เพราะจากการตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ผลออกมาว่า ร่างกายของมิโดริยะ อิซึกุไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ไม่มีสารอันตรายเข้าร่างกาย ไม่มีโรคหรืออาการใด ๆ เหมือนเจ้าตัวแค่หลับไปเฉย ๆ

แต่ดันกลายเป็นการหลับไปเฉย ๆ ที่ทำเอาเพื่อนฝูงหัวใจแทบวาย

‘งานเทศกาลของปีนี้ จะได้ไปเที่ยวด้วยกันมั้ยนะ’ น้ำเสียงร่าเริงจากอดีตคู่แข่งที่พัฒนาความสัมพันธ์ออกมาในรูปที่พิเศษยิ่งขึ้นดังขึ้นในหัว

คัตสึกิจำได้ว่าเพราะปีก่อนดันมีงานด่วนขยันเข้ามาแทรกระหว่างทริปบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเดทแบบวันเดย์ธรรมดา ๆ หรือทริปเดินทางไกลต่างจังหวัด อิซึกุเลยค่อนข้างตั้งตาคอยงานเทศกาลในปีนี้เป็นพิเศษ

แต่ใครจะรู้ หลังเริ่มต้นปีใหม่แค่สองอาทิตย์ เจ้าตัวก็ดันหลับยาวไปซะอย่างนั้น

“วาเลนไทน์ ไวท์เดย์ ซากุระ ทานาบาตะ…” เสียงทุ้มของคัตสึกิดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่เพื่อนสนิทคนไหนมาฟังก็รู้เลยว่าคนพูดพยายามข่มใจมากแค่ไหน “อุตส่าห์ตั้งตารองานเทศกาลของปีนี้ขนาดนั้น แต่แกจะหลับข้ามไปหมดอย่างนั้นเหรอ”

“แม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง ก็ยังจะข้ามไปทั้ง ๆ แบบนี้รึไง”

“…ตื่นขึ้นมาได้แล้ว เจ้าเนิร์ดโง่”

“…”

“…”

คัตสึกิจมอยู่ในความเงียบคนเดียวนานเท่าไหร่เขาไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือของใครบางคนแตะลงบนไหล่เบา ๆ

“บาคุโกคุง”

คัตสึกิที่นั่งกุมมืออิซึกุนิ่งอยู่นานค่อย ๆ หันไปด้านหลังช้า ๆ พอหันไปก็เห็นว่า คนที่เรียกเป็นอุราระกะและอีดะ สองเพื่อนสนิทที่เขาเห็นไปไหนมาไหนกับอิซึกุอยู่บ่อย ๆ ท่าทางทั้งสองคนจะเพิ่งเข้ามาในห้องไม่นาน

“อุราระกะ อีดะ…”

อุราระกะส่งยิ้มให้คัตสึกิ

เป็นรอยยิ้มประหลาดที่ไม่เหมือนรอยยิ้มกว้างมีความสุขเหมือนอย่างทุกที

ทั้ง ๆ ที่ปากกำลังพยายามยิ้มอยู่ แต่คิ้วของเจ้าตัวกลับขมวดจนเห็นความคอนทราสต์นี้ชัดเจน

“ว…วันเกิดทั้งที ยังไงก็ต้องฉลองกันหน่อยละเนอะ” อุราระกะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ พลางยกถุงเค้กจากร้านขนมชื่อดังที่อยู่ในตัวเมืองขึ้นมาโชว์ “พวกเพื่อน ๆ ห้องเอกำลังตามมากันอยู่ล่ะ มินะจังกับพวกคามินาริคุงอยู่ที่ล็อบบี้แล้ว”

อีดะขยับแว่นที่ไม่ได้เบี้ยวไปเลยสักนิด แล้วพูดขึ้นโดยไร้ท่าทางขยับแขนไปมาเหมือนหุ่นยนต์อย่างทุกที “ฉันไปขออนุญาตจากทางโรงพยาบาลเป็นพิเศษแล้ว ถ้าไม่ส่งเสียงรบกวนห้องข้าง ๆ ก็ฉลองได้…บอกแบบนี้มาล่ะ”

“อืม” คัตสึกิพยักหน้ารับ เพื่อนทั้งสองคนเลยขอตัวไปจัดการข้าวของต่าง ๆ ที่ซื้อมา

หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อน ๆ ห้องเอก็ค่อย ๆ ทยอยตามมาจนครบ

“เจ้าตัวหลับไปแบบนี้ พวกฉันเลยคิดว่า อย่างน้อยน่าจะอัดวิดิโอเก็บไว้ซักหน่อย พอมิโดริยะตื่นขึ้นมาจะได้รู้ว่า หมอนั่นพลาดงานสนุกขนาดนี้ไปแล้วเชียวนะ!” คิริชิมะที่มาพร้อม ๆ กับพวกคามินาริเอ่ยขึ้น ในมือมีกล้องวิดีโอรุ่นใหม่ล่าสุดที่ไปยืมมาจากเพื่อนฮีโร่ในสำนักงาน แล้วกดปุ่มเปิดเครื่อง

….

“เอ๊ะ เปิดไม่ติด?” คิ้วสีเข้มขมวดลงอย่างสงสัย ก่อนที่จะเบิกตากว้างแล้วร้องโวยวายออกมา “ว้าก เมื่อวานลืมชาร์จแบตอะ!”

“ให้ตายสิ โง่น้อยกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง หือ คิริชิมะ” อะชิโดบ่นแบบไม่จริงจังนัก แล้วเข้าไปร่วมวงช่วยกันรื้อหาสายชาร์จในกระเป๋า

“คามินาริ มานี่เร็ว” จิโร่ที่ยืนมุงเพื่อน ๆ อยู่กวักมือเรียกคามินาริที่ยืนคุยเรื่องตลกบางเรื่องอยู่กับเพื่อนคนอื่น ๆให้มาหา

“อื๋อ?” คามินาริชี้มาที่ตัวเองอย่างสงสัย แต่ก็ยอมเดินจากกลุ่มเพื่อนที่ยืนคุยกันอยู่มาเข้ากลุ่มหาที่ชาร์จกล้องวิดีโอแทน แต่ไม่ทันจะอธิบายอะไร เพื่อนสาวก็ยัดปลายสายชาร์จเข้าปากทันที แล้วสั่งให้คาบเอาไว้

“??”

สีหน้าเหรอหราของเพาเวอร์แบงก์เคลื่อนที่ได้ทำให้เพื่อน ๆ ที่เห็นภาพนั้นหัวเราะขำออกมาแบบอดไม่ได้

“ฮ่า ๆ ๆ สีหน้าดูโง่ชะมัด”

“ไม่บอกไม่รู้เลยนะว่ามันสอบใบอนุญาตฮีโร่ผ่านแล้ว”

“ถ่ายรูปแล้วโพสต์ลง SNS ดีกว่า ตลกดี ชอบ ฮ่า ๆ ๆ”

“เฮ้ย โทโดโรกิ เพิ่งมาเรอะ แล้วนั่นอะไรน่ะ ของขวัญวันเกิด?”

“ถ้ามิโดริยะได้กลิ่นโซบะ น่าจะตื่นไว—”

“นี่ซื้อมาให้มิโดริยะหรือซื้อมากินเองกันแน่ฟะ…”

การที่อิซึกุหลับไปกว่าครึ่งปี ทำให้บรรยากาศความเศร้าหมองในตอนแรกค่อย ๆ จางหายไปช้า ๆ ทุกคนไม่ได้เศร้าเหมือนในตอนแรกที่รู้ข่าว คนที่เป็นสายร่าเริงหลาย ๆ คนพยายามทำหน้าเฮฮาเพื่อให้บรรยากาศงานวันเกิดในห้องพักผู้ป่วยนี้สนุกสนานขึ้น แต่ถ้าสังเกตดี ๆ สีหน้าของหลาย ๆ คนก็ยังเหมือนมีหมอกบางเบาอยู่ครึ้มจาง

แก๊งห้องเอยืนเล่นตลกกันอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนที่ทุกคนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันเอาของขวัญที่เตรียมมาให้อิซึกุไปวางกอง ๆ กันบนโต๊ะ รวมกับของขวัญจากคนสนิทคนอื่น ๆ ที่รู้ข่าว

“กล้องพร้อมแล้ว” คิริชิมะที่จัดการชาร์จแบตกล้องเรียบร้อยแล้วพูดขึ้น “สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!”

ร่างสูงของเรดไรออทค่อย ๆ แพนกล้องไปที่ใบหน้าของเพื่อน ๆ ทีละคน ๆ อย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับที่ทุก ๆ คนค่อย ๆ ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้คนป่วยที่นอนหลับอยู่

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ เดียร์ มิโดริยะ (คุง) /เดกุคุง ~”

ฟู่วว ~

เพราะเจ้าของงานนอนนิ่งอยู่บนเตียง เพื่อน ๆ เลยตกลงกันว่าจะช่วยกันเป่าเทียนพร้อม ๆ กันแทนเจ้าตัว

“สุขสันต์วันเกิดมิโดริยะ!”

“มิโดริยะคุง สุขสันต์วันเกิดนนะ รีบ ๆ ตื่นมาได้แล้ว!”

“เดกุคุงงง สุขสันต์วันเกิดน้าา”

“สุขสันต์วันเกิด”

“Happy Birthday!”

“…”

“…”

มือแข็งแรงของโปรฮีโร่เรดไรออทสั่นนิดหน่อยตอนที่กล้องแพนไปหาเจ้าของวันเกิดที่นอนหลับอยู่บนเตียง

มิโดริยะ อิซึกุ…อดีตเพื่อนร่วมห้องของพวกเขายังคงนอนนิ่งอยู่

ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นเพราะเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดแต่อย่างใด

บรรยากาศงานวันเกิดที่ทุกคนพยายามทำให้รื่นเริงพลิกกลับเป็นหดหู่กะทันหันเมื่อความจริงที่ว่า เจ้าของวันเกิดยังไม่ฟื้น และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นในเร็ววันตรงเข้ากระแทกกลางใจของเพื่อน ๆ ทุกคน

“เดกุคุง…รีบฟื้นเร็ว ๆ สิ” อุราระกะพูดขึ้นเป็นคนแรกในความเงียบ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดความชื้นที่หางตา “…เดี๋ยวเค้กก็หมดก่อนหรอก”

“โอชาโกะจัง…” ทสึยุวางมือลงบนไหล่ที่สั่นเบา ๆ ของอุราระกะ ดวงตากลมโตเหมือนกบหรี่ลงอย่างเศร้าสร้อย แต่เจ้าตัวเองก็พยายามจะปลอบใจเพื่อนสาว “ยังไงมิโดริยะจังต้องฟื้นขึ้นมาแน่ ๆ”

“อย่าเศร้าไปเลยอุราระกะคุง” อีดะพูดปลอบเพื่อน ในขณะที่มือกำหมัดแน่น “อย่างมิโดริยะคุงจะมาแพ้กับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”

“นะ…นั่นสิ! นั่นน่ะ มิโดริยะเชียวนะ! หมอนั่นลากคอตัวร้ายเข้าตะรางไปตั้งเยอะ จะมาตกม้าตายเอาตอนสุดท้ายได้ยังไง” คามินาริพูดขึ้น พยายามทำให้บรรยากาศกลับมาสดใสเหมือนเดิม

ท่าทางของเพื่อน ๆ ส่วนหนึ่งที่ทำหน้าเศร้า กับอีกส่วนที่พยายามทำตัวเฮฮา ทำให้อุราระกะรู้ว่า อาการเศร้าของตัวเองคนเดียวเกือบทำให้บรรยากาศปาร์ตี้วันเกิดพังไปแล้ว เจ้าตัวเลยรีบเช็ดน้ำตาแล้วทำเสียงสดใส

“จะ…จริงด้วย ตอนนี้เดกุคุงเองก็กำลังสู้เพื่อที่จะกลับมาหาทุกคนอยู่แน่ ๆ พวกเรามารอเขากลับมากันดีกว่า!”

“โอ้!”

หลังจากนั้นก็เป็นการทานเค้กแล้วคุยอัพเดตชีวิตเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ทุกคนกลายเป็นโปรฮีโร่กันหมดแล้ว เวลาส่วนใหญ่อุทิศให้กับการช่วยเหลือคนอื่นตามหน้าที่ของฮีโร่ที่ดี หลาย ๆ คนย้ายที่อยู่ไปทำงานอยู่จังหวัดอื่นที่ไกลออกไป หลายคนก็งานยุ่งมากจนแทบหาเวลาไปเจอเพื่อน ๆ ไม่ได้ การสังสรรค์พบเพื่อนเก่าแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้เลยเป็นอีเว้นท์ที่หาได้ยากยิ่ง

น่าเสียดายก็แต่ อีเว้นท์ที่หาได้ยากแบบนี้ เพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งกลับไม่ได้เข้าร่วม

“ไปก่อนน้า แล้วเจอกันใหม่”

“หวา เจ้ามิเนตะ นึกว่าตัวสูงนักหรือไง อย่าโดดกอดคอกันแบบนี้สิ!”

“ไปก่อนนะบาคุโก วันพรุ่งนี้เจอกัน อย่านั่งเฝ้ามิโดริยะนานจนเผลอโดดงานละ!”

“หา!? ว่าไงนะแก”

“บายบาคุโก ประชุมแผนอาทิตย์หน้ามาให้ตรงเวลาด้วยนะ”

“มินะจัง แล้วเจอกันจ้ะ”

“แล้วเจอกัน!”

เผลอแป๊ปเดียว เพื่อน ๆ ห้องเอต่างก็ร่ำลากันแล้วค่อย ๆ แยกย้ายกลับบ้านทีละคนสองคน รู้ตัวอีกที ในห้องก็เหลือแค่คัตสึกิเพียงคนเดียวเหมือนอย่างตอนแรกแล้ว

คัตสึกิเหลือบตาไปมองนาฬิกาติดผนังที่บอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง ร่างสูงของท็อปฮีโร่รุ่นปัจจุบันค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ ประสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันแล้วเอนหน้าผากไปแตะกับมือของตัวเอง รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

สิ่งที่แย่ที่สุดในตอนนี้คือ การหาสาเหตุของอาการไม่เจอ

แล้วแบบนี้ เจ้าโง่นี่จะฟื้นขึ้นมาตอนไหนกัน หรือต้องรอให้สิ่งที่ทำให้คนตรงหน้าเขานอนหลับหมดฤทธิ์ไปเองอย่างนั้นเหรอ

“พวกโง่นั่นอุตส่าห์เก็บเค้กไว้ให้แกแท้ ๆ” หลังจากอยู่ในท่าวางศอกกับเตียงจนเริ่มเมื่อย คัตสึกิก็เปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นนั่งเท้าคางข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างจิ้มหน้าคนที่หลับอยู่ “ทำอย่างกับจะตื่นมากินทันอย่างนั้นล่ะ”

“…”

“ทุกคนเค้ารอขนาดนั้นแล้ว จะปล่อยให้ผิดหวังกันรึไง”

“…”

“นี่ จะหมดวันแล้วนะ…”

“…”

นัยน์ตาสีแดงสวยหลุบตาลงต่ำนิ่ง…เนิ่นนาน

นานจนคัตสึกิคิดว่าตัวเองจ้องอิซึกุนานจนตาฝาดไปเมื่อเห็นปลายนิ้วของคนที่นอนนิ่งมาครึ่งปีขยับเล็กน้อย

เฮือก!

พอเห็นแบบนั้นคัตสึกึก็รีบเงยหน้าไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่ทันที

เปลือกตาของอิซึกุสั่นไหวเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นนัยน์ตาสีเขียวสวยที่ดูมึนงง

อิซึกุค่อย ๆ กระพริบตาปรับแสงที่ไม่คุ้นชิน แล้วนิ่วหน้าน้อย ๆ เพราะรู้สึกถึงความเจ็บที่มือเป็นอย่างแรก

ใครบางคนบีบมือเขาจนรู้สึกเจ็บ

พอหันมาก็เจอคัตสึกิยืนทำหน้าตาน่ากลัวอยู่

“อา…คัตจัง”

คัตสึกิพยายามขมวดคิ้วข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งพล่านขึ้นมาจนใบหน้ายับยู่ยี่ ก่อนจะฟุ่บใบหน้าลงกับเตียงอย่างหมดแรง

เจ้าเดกุ…

“หว…หวา คัตจัง!? ป…เป็นอะไรไปเหรอ” พอเห็นอีกฝ่ายทำตัวแปลกไป อิซึกุที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนแล้วก็เริ่มออกอาการลนลาน เสียอยู่อย่างเดียว แขนขาเหมือนไม่ค่อยฟังคำสั่งเขาเท่าไหร่

รู้สึกร่างกายฝืดไปหมด

“นี่คิดว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนกันน่ะ หา”

อิซึกุทำหน้าคิดอยู่แป๊ปนึงแล้วตอบเหมือนไม่มั่นใจ “สองอาทิตย์ล่ะมั้ง?”

“ครึ่งปี!” คนตอบกระแทกเสียงใส่

“คะ…ครึ่งปี?”

“ทำเอาคนอื่นวุ่นวายไปหมดเลยเจ้าบ้าเอ๊ย” คัตสึกิโวยวายใส่ ก่อนจะพูดงึมงำเบา ๆ ในลำคอพร้อม ๆ กับที่ล้วงกล่องของขวัญขนาดเล็กที่ผูกริบบิ้นสวยงามขึ้นมาวางบนเตียงแล้วพึมพำเสียงเบา

“สุขสันต์วันเกิด…เกือบไม่ทันแล้วมั้ยล่ะ เจ้าเนิร์ดกาก”

“เอ๊ะ…” ไม่ทันที่อิซึกุจะทำความเข้าใจกับช่วงเวลาที่หายไปหรือดีใจกับของขวัญวันเกิดที่อยู่ ๆ ก็เวียนมาถึงเร็วจนไม่ทันตั้งตัว เจ้าของของขวัญก็กด nurse call รัว ๆ แก้เขินทันที

“เอ๊ะ ใจเย็น ๆ สิคัตจัง ทิ้งช่วงให้ผมดีใจหน่อยไม่ได้เหรอ!”

“ไม่โว้ย!”

Review : My Hero Academia (LN) เล่ม 1-2

อยู่ ๆ อยากรีวิวเวอร์นิยาย เพราะไม่ค่อยเห็นคนรีวิวกันเลย จำได้ว่าเห็นมีคนเล่าเรื่องย่อแบบแว้บ ๆในพันทิป เลยเข้าใจว่า น่าจะเป็นพวกภาคพิเศษอะไรทำนองนี้ 

บวกกับนี่เพิ่งอ่านจบ… (ใช่ค่ะ เราเพิ่งมาเข้าด้อมฮีโร่ตอนเดือนพ.ค. เลยเพิ่งได้อ่าน 5555) อยากหวีดมั่กมาก อ่านแบบติดฟิลเตอร์พิเศษแล้วมันกรี๊ดมากจริง ๆค่ะแงงง //// แต่ตอนหาข้อมูลช่วงแรก ๆไม่ค่อยเห็นคนคุยเท่าไหร่ + เพื่อนที่อยู่ในด้อมฮีโร่เหมือนกันยังไมไ่ด้อ่านเวอร์นิยาย จะไปหวีดใส่เค้าก็เหมือนวิ่งไปสปอยล์เนื้อเรื่อง เลยขอระบายด้วยการทำรีวิวสั้น ๆ แล้วหวีดยาว ๆๆๆดีกว่า 555555 

ก่อนอื่นขอบ่นก่อนเลยว่า หนังสือแอบหายากมากก แงง อาจจะด้วยความที่เราเพิ่งมาอ่านด้วยแหละค่ะ หนังสือออกมาตั้งนาน(?)แล้ว ไปหาเล่มหนึ่งจากร้านหนังสือที่ไหน ๆก็ของหมดตลอดเลย บางที่ก็มีแค่เล่มสอง บางที่ก็หมดทั้งเล่มแรกเล่มสอง ขนาดไปส่องที่ MHA Only ที่อนิเมท MBK ยังมีแค่เล่มสองเลยค่ะ /ร้องไห้ 

หลังจากวิ่งตามหามาหลายร้าน + จิ้มจากคิโนะออนไลน์ แต่ก็นก TT สุดท้ายเลยไปได้จาก Shopat24 ที่เหมือนเป็นช็อปออนไลน์ของเซเว่น ถ้านัดรับที่เซเว่นจะไม่เสียค่าส่งด้วยค่ะ ! นี่เลยกดไปแล้วไปรับที่เซเว่นใกล้ ๆบ้านเอา ได้ของมาแล้วเลยรีบแกะอ่านเลยด้วยความเห่อมาก 5555555

มาค่ะ เข้าสู่ช่วงรีวิว 

Print

เวอร์ชันนิยายนี้เป็นภาคพิเศษที่อยู่ในช่องว่างของภาคมังงะที่ไม่ได้พูดถึง อย่างเล่มแรกก็จะมีเป็นตอนหลัก ๆของเล่มเป็นการเข้าชมการเรียนการสอน เนื้อหาในเล่มแรกจะมีตอนย่อยประมาณนี้ 

  • ช่วงบทนำ แจ้งข่าวเรื่องการเยี่ยมชมการสอน 
  • ตอนพิเศษของเหล่าอาจารย์สาขาฮีโร่ในห้องพักครู
  • ตอนพิเศษที่สวนสนุกของหนุ่ม ๆห้องเอสี่คน เป็นการจับคู่ตัวละครที่ค่อนข้างประหลาดนิดหน่อยในความคิดเรา แต่อ่านไปอ่านมาก็สนุกอยู่ค่ะ  
  • ตอนพิเศษของแก๊งสาว ๆ ตอนนี้รู้สึกว่าค่อนข้างสั้น แต่ก็แสดงให้เห็นถึงนิสัยขี้งก—- แค่ก! นิสัยเป็นคนประหยัดของโอชาโกะได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ 555555 
  • ตอนเข้าเยี่ยมชมการสอน 

โดยรวม ๆแล้วถือว่าเล่มแรกค่อนข้างสนุกเลยค่ะ เนื้อหาในเรื่องไปค่อนข้างเร็วและซีเรียสขึ้นเรื่อย ๆรัว ๆ จนลืมไปเลยว่าเด็กพวกนี้จริง ๆแล้วอายุแค่ 16 กันเองนะ ! ลืมไปเลยเหมือนกันค่ะว่าถ้าเป็นเด็กมอปลายมันก็ต้องมีอีเว้นท์อะไรประมาณนี้กับเค้าบ้าง 55555555 ชอบมึกในหลาย ๆตอนด้วยค่ะ อย่างตอนไปแจ้งผู้ปกครอง ตอนอ่านไปก็ลุ้นนิดหน่อยเหมือนกันว่าบ้านโทโดโรกิใครจะมา แน่นอนว่าชายโชโตะต้องไม่อยากให้คุณพ่อสุดที่รัก(?)มาหาแน่ ๆ 5555555 

Print

เล่มสองเนื้อหาหลัก ๆจะเป็นช่องว่างช่วงค่ายฝึกในป่าค่ะ จริง ๆมีค่ายฝึกหลายวัน + เนื้อหาที่เป็นเส้นเรื่องหลัก skip บางส่วนไป เลยเป็นที่มาของภาคพิเศษเล่มนี้ 

สนุกมากกกก เราชอบเล่มสองมากกว่าเล่มหนึ่งอีกค่ะ อาจจะเป็นเพราะทุกคนเริ่มสนิทกันมากขึ้นแล้ว (?)​ เอ๊ะ จะว่าไปจำไม่ได้แล้วค่ะว่า ไทม์ไลน์เล่มหนึ่งมันอยู่ในช่วงประมาณไหน 55555 แต่มีความรู้สึกว่าเล่มสองทุกคนในห้องสนิทกันมากกว่าเล่มแรก เวลาชงมุกตบมุกกันเลยสนุกมาก 

เล่มสองจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่ติวหนังสือกันเลย เราดูเรื่องนี้จากอนิเมจนจบก่อนแล้วค่อยมาตามอ่านมังงะส่วนที่ต่อจากอนิเมเลยไม่แน่ใจว่า เวอร์มังงะเค้ามีเล่าอะไรช่วงติวก่อนสอบมั้ย แต่จำได้เวอร์อนิเมมีเล่าเป็นภาพสั้น ๆ ตอนพิเศษตอนนี้เลยเล่าช่วงที่ทุกคนไปติวหนังสือกันละเอียดขึ้นค่ะ หลัก ๆที่เน้นจะเป็นทีมที่ไปติวที่บ้านยาโอโมโมะ กับทีมคัตจังที่ลากกันไปติวที่ห้องสมุดก่อน แล้วโดนเค้าไล่ที่ไปเรื่อย ๆจนไปจบที่แฟมิลี่เรสเตอรองต์ที่เห็น ๆกันในอนิเม 5555555 

หลังจากนั้นก็เป็นตอนระหว่างเดินทางไปค่ายฝึกที่อยู่ ๆอาโอยามะก็ป่วยขึ้นมา ร้อนถึงเพื่อน ๆที่ต้องพยายามช่วยเหลือกันสุดชีวิต 555555 พอถึงที่พัก แน่นอนว่าอีเว้นท์แบบนี้ต้องมีช่วงแช่น้ำพุร้อน แต่เด็ก ๆฮีโร่ทุกคนส่วนใหญ่เป็นเด็กดีกันหมดเลย ตอนนี้เลยมีแค่มิเนตะที่โซโล่เดี่ยวคนเดียว ในฐานะผู้หญิงที่อ่านแล้ว ได้แต่ “…” เท่านั้นค่ะ /ถอนหายใจ 

อีเว้นท์ถัดไปเวลาไปค่ายสำหรับสาว ๆวัยรุ่นก็ย่อมเป็นเรื่องรัก ๆใคร่ ๆ – สาว ๆห้องเอกับห้องบีมานั่งคุยกันว่า อยากได้ใครเป็นแฟน หรือนิสัยหนุ่ม ๆแต่ละคนเป็นยังไง แต่ด้วยความที่สาว ๆในเรื่องนี้เป็นว่าที่ฮีโร่กันหมด ตอนจบเลยไม่รู้จะสรุปยังไง 5555555 

ส่วนฝั่งแก๊งผู้ชายก็เป็นการดวลแย่งเนื้อกัน เป็นตอนที่แบบปวดหัวกับโมโนมะมากกกก 5555555 เหมือนหมอนี่จะโผล่มาแบบพยายามเป็นตัวร้าย แต่จริง ๆก็เป็นคนช่วงชงมุกตบมุกซะงั้น 5555555 

ท้ายเล่มสองปิดเรื่องด้วยตอนพิเศษหลังงานเลี้ยงที่อีดะคุงต้องรับบทหนัก (?) ในการดูแลเพื่อน ๆผู้ชายที่หลับกันอยู่ในห้องค่ะ เป็นตอนพิเศษอีกตอนที่เราชอบมาก ๆเหมือนกัน เห็นสภาพแต่ละคนนอนแล้วปวดหัวมาก และเป็นอีกตอนที่แสดงให้เห็นถึงความรักพ่อลูกระหว่างชายโชโตะและอดวซ. (อีกแล้ว) 55555 

การแปลนิยายสำหรับเราถือว่าค่อนข้างโอเคเลยค่ะ มีคำผิดนิดหน่อย (ไม่แน่ใจว่ามาจากเล่มหนึ่งหรือสอง) บางประโยคเราแอบงงนิดนึง แต่เข้าใจว่า บางทีคำต้นฉบับอาจจะมีคำขยายคำนามมากไป จนแปลออกมาแล้วงง ๆ 555555  

สรุปแล้วเป็นภาคพิเศษของ MHA ที่เราชอบมาก ๆๆ ค่ะ รู้สึกอยากเห็นเด็ก ๆใชีชีวิตสนุก ๆแบบนี้กันมานานแล้ว ฮืออ

ขอจบรีวิวกาก ๆที่ทำขึ้นบังหน้าเท่านี้ค่ะ 55555 ต่อจากนี้จะเป็นการหวีดล้วน ๆๆ และมีสปอยล์ค่ะ

รบกวนระวังด้วยนะคะ m(__ __)m

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

เล่มแรก 

เท่าที่จำได้รู้สึกเหมือนเล่มแรกเรายังไม่ค่อยหวีดอะไรมากเท่าไหร่ จำได้ว่าหวีดหนักแรง ๆจริง ๆอยู่ที่เล่มสองซะเยอะค่ะ เล่มแรกออกแนวเอ็นดูและขำในความอับโชคของใครบางคน 5555555 

  • ชอบตอนออลไมท์โทรไปหาอดวซ.มาก ๆค่ะ คือแบบโอ๊ยย จะซื่อไปไหน คนอะไรคุยกับเครื่องตอบรับอัตโนมัติเป็นวรรคเป็นเวร แถมโทรไปอีกก็คุยอีกจนเวลาหมด แถมไม่ได้คุยเรื่องสำคัญที่จะคุยอีก เป็นท็อปฮีโร่ที่เอ๋อมาก โคตรเอ็นดู 55555555555555 เห็นแล้วปวดหัวแทนไอซาวะเซ็นเซย์จริง ๆค่ะ มีรุ่นพี่แบบนี้คือปล่อยให้ทำอะไรเองคนเดียวไม่ได้จริง ๆ ปวดหัว 5555555555 
  • แน่นอนว่า พูดถึงเรื่องเยี่ยมชมที่ครอบครัวต้องมาถึงห้องเรียนแล้ว คุณพ่อผู้เห่อลูกชายที่สุดในสามโลกอย่างอดวซ.ต้องอยากมาแน่ ๆ แต่สุดท้ายพอแต้มบุญไม่พอเลยนกไปซะงั้น สงส๊ารร 555555 จริง ๆ ถ้ายอมทิ้งศักดิ์ศรีโทรไปหาออลไมท์ซักหน่อยป่านนี้ก็คงได้ไปนั่งเจ๋อในกลุ่มผู้ปกครองที่โดนวิลเลินจับตัวไปแล้วแท้ ๆ 55555 เอ๊ะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นงานต้องล่มแน่ ๆเลยค่ะ อดวซ.ทำงานล่มก่อนแหง ๆ เป็นคนที่แบบ…ดูท่าทางนอกจากจะเล่นละครไม่เก่งแล้ว น่าจะไม่เก็ทมุกคนอื่นเท่าไหร่ด้วย 555555

เล่มสอง 

  • ช่วงติวหนังสือฝั่งทีมของยาโอโมโมะไม่ค่อยมีจุดหวีดเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นแนวขำ ๆมากกว่า ตลกเจ้าคามินาริที่อ่านหนังสือจนสมองก๊งไปหมดแล้ว 5555 ชอบที่ตอนท้ายแอบมีโมเม้นต์ของคู่คามินาริกับจิโร่จังแบบสั้น ๆด้วยค่ะ เชียร์คู่นี้มากเหมือนกัน แต่กว่าจะลงเอยกันจริง ๆ คามินาริต้องอ่วมก่อนแน่ ๆเลยค่ะ 5555555 
  • คุณแม่ของยาโอโมโมะก็น่ารักกก ตอนแรกอดกังวลแทนจิโร่จังไม่ได้เลยว่า โหยย จะโดนคุณแม่เพ่งเล็งมั้ยเนี่ย แต่คิดไปคิดมา คุณแม่ที่เล่นละครทำเป็นโดนจับด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อในเล่มหนึ่งไม่น่าจะกลายมาเป็นคุณแม่ที่เจ้ายศเจ้าอย่างในเล่มสองไปได้หรอก แล้วก็จริง ๆด้วย คุณแม่น่ารักมาก 55555 เรียกได้ว่า ยาโอโมโมะถ่ายทอดความเป็นคุณหนูสายซื่อมาจากคุณแม่เต็ม ๆเลยค่ะ ถ้าสองแม่ลูกไปช็อปปิ้งกันในย่านคนธรรมดาต้องเกิดเหตุการณ์วี้ดว้ายชีวิตสามัญชนแน่ ๆเลยค่ะ 5555555 
  • ฝั่งคัตจังกับคิริชิมะ ที่ไปเจอเพื่อนสมัยเด็กของคัตจังเราหวีดตอนที่ทุกคนชมน้องเดกุกันว่า เก่งขึ้นอย่างนู้นอย่างนี้แล้วคัตมาได้ยินมากค่ะ อ่านบทนี้ด้วยฟิลเตอร์พิเศษแล้วแปลได้ว่า เจ้าคัตต้องหวงน้องแน่ๆๆ ! ไม่อยากให้คนเห็นน้องไชน์ไปมากกว่านี้แน่ ๆเลย 5555555  
  • ช่วงเดินทางไปค่ายฝึกเรากรี๊ดตอนที่ทุกคนเกี่ยงที่นั่งกันมากก ๆๆๆ 555555 อยากให้จบที่น้องเดกไปนั่งตักโชโตะมากกก จบแบบโทโดเดกุไปเล้ยย 555555 แต่ก็รู้ว่า นี่มันนิยายอฟชนะ คงเป็นไปไม่อยู่แล้วมั้ย 555555 พอทุกคนเคลียร์กันจบแล้วเลื่อนผ่านมาหน้าถัดมาที่มีรูปประกอบนี่เผลอหลุดขำออกมาเลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าเก้าอี้เสริมไม่ค่อยออก แต่พอเห็นภาพเจ้าโชที่นั่งจ๋องอยู่ตรงกลางแล้วมัน55555555555555555555 ยังไม่ทันจะหยุดขำจากภาพนั้นได้ก็มาขำเป็นบ้ากับมุกแฮนด์ครัชเชอร์ของคุณชายคนเดิมต่อ โอ๊ยย น้องซื่อมาก ไม่รู้จะจริงจังกับเรื่องแฮนด์ครัชเชอร์อะไรเบอร์นั้นนน 5555555555 แถมตอนหลังยังปิดเกมตัดหน้าอาโอยามะอีกซะงั้น พอนึกถึงหน้าเอ๋อ ๆโชโตะเวลาพูดขอโทษเพื่อน ๆแล้วมันตลกจริง ๆ 555555 
  • ตอนคัตจังที่ระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อน ๆแต่ดันกลายเป็นเหมือนช่วยต่อคำไปด้วยแบบไม่รู้ตัวก็ตลกเหมือนกันค่ะ ชอบความใส่บทให้คัตตรงนี้มากเลย คนแบบนี้ถ้าชวนมาเล่นปกติน่าจะไม่ยอมเล่น หรือโวยวายจนทำเกมล่มก่อนแน่ ๆ แต่พอใส่มาแบบนี้เลยกลายเป็นว่า มีส่วนร่วมกับเกมแบบงง ๆเฉยเลย 55555555555 
  • ตอนเล่นเกมทายปัญหา ที่กลายเป็นการเล่าเรื่องผีของทสึยุจังก็ชอบเหมือนกันค่ะ น้องเดกุเปิดช่วงนี้มาได้แบบโคตรโอตาคุออลไมท์มากแท้ ๆ (คนอะไรจะไปนั่งนับคำกันขนาดนั้น !) ทสึยุจังตบปิดด้วยการเล่าเรื่องผีเฉยเลย 5555555 ส่วนเรื่องเล่าของมิเนตะก่อนหน้าคือวดฟมาก สมแล้วที่เป็นเชื้อโรคหื่นกามประจำห้องเอ….
  • ช่วงแข่งงัดข้อแอบหวีดคิริบาคุเบา ๆตอนที่คัตจังเชียร์ (?) คิริด้วยค่ะ ถ้าไม่ใช่คิริคือไม่มีใครเข้าใจการให้กำลังใจในแบบของคัตสึกิแล้วนะ ! 
  • น้องเดกุตอนนอนน่ารักมากกกก แงงงง ด่ไนฟดฟดพเ่ฟด อีดะคุงเป็นคนดีย์มาก ๆๆค่ะที่ทำแค่ห่มผ้าให้น้องเฉย ๆ ถ้าเป็นเราต้องมียกกล้องถ่าย—– /สัญญาณตัด 
  • โชโตะนอนดิ้นผิดจากที่คิดไว้มาก ๆค่ะ หัวเป็นหางนี่คือไม่ธรรมดาแล้วนะคะ 55555555 นี่คิดว่าอีดะคุงโชคดีแล้วที่คิดว่าคูมชายฝันถึงของกิน อย่ารู้เลยว่าเพื่อนกำลังวางแผนแช่งชักหักกระดูกพ่อแท้ ๆของตัวเองอยู่แม้กระทั่งตอนหลับอะดีแล้ว 55555555555 
  • ส่วนยัยลูกสาวนอนเปิดท้องได้น่าตีมาก ๆค่ะ ทำไมนอนเปิดพุงไปทั่วแบบนี้ /ตีพุง 
  • ตอนนอนแก๊งผู้ชายคือนอนได้บันเทิงมาก จับพวกนี้มานอนรวมห้องเดียวกันคือหายนะมาก นึกภาพต่างคนต่างนอนละเมอแล้วสาดอัตลักษณ์ใส่กันได้เลยค่ะ (เพราะนอกจากทคยมคุงแล้ว ไม่มีใครนอนเรียบร้อยเลยซักคน….) สงสารอีดะมากที่ความเป็นคนดีทำให้ชีวิตวุ่นวายแบบนี้ 555555 

ไม่รู้เล่มสามมีแล้วรึยัง แต่ถ้าออกแล้วก็อยากให้เวอร์ไทยออกเร็ว ๆจังเลยค่ะ TvT เนื้อเรื่องเริ่มเจ้มจ้นขึ้นจนไม่แน่ใจแล้วว่ายังมีช่องว่างให้ใส่ตอนพิเศษเข้าไปอีกมั้ย แต่ก็อยากอ่านมากค่ะ ฮือ 

[Katsuki x Deku] The Day I’m Sick

AU : ProHero

————————————————

“แค่ก แค่ก…”

โปรฮีโร่เดกุกำลังป่วย…

อันที่จริง ตั้งแต่สอบใบอนุญาตผ่าน กลายเป็นโปรฮีโร่ตัวจริงเสียงจริงแล้ว อิซึกุก็ไม่เคยป่วยอีกเลย ไม่ว่าจะจากพายุฝน หรืองานหนักแค่ไหน 

แต่สงสัยช่วงนี้งานจะชุมมากไปหน่อย….อิซึกุในชุดนอนเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขายาวคิด สองมือกำผ้าห่มเนื้อหนาเอาไว้หลวม ๆ ในหัวก็นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนหน้า 

ทั้ง ๆที่เป็นช่วงปลายหน้าฝนแล้วแท้ ๆ แต่อยู่ ๆฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาขณะที่อิซึกุและเพื่อน ๆ โปรฮีโร่ในทีมกำลังไล่จับแก๊งโจรปล้นธนาคารอยู่ 

แน่นอนว่าโปรฮีโร่ไม่เคยหวั่นต่อสภาพอากาศเพี้ยน ๆอยู่แล้ว 

แต่อาจจะเพราะหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า อิซึกุโหมงานทั้งในฐานะโปรฮีโร่และครูฝึกพิเศษที่ยูเออย่างหนักติดต่อกันตลอดสัปดาห์ ทำให้หลังจบงานจับกุมแก๊งโจรกลุ่มนั้นแล้ว เขาก็ได้ใช้สิทธิ์ลาป่วยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี 

“บ่ายสองแล้ว” เสียงแหบแห้งของคนป่วยพูดขึ้นกับตัวเองเบา ๆ 

นอนนิ่งแบบนี้ไม่ชินเลยน้า…อิซึกุคิด พลางยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วทำมือวัดไข้ตัวเอง 

ไข้เหมือนจะยังไม่ลดลงเท่าไหร่ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะทำงานหนักมากเกินไปติด ๆกัน หรือเพราะเขาดูแลตัวเองในช่วงที่ป่วยได้ไม่ค่อยดี 

ชีวิตช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าไม่วิ่งปราบปรามเหล่าวิลเลิน อิซึกุก็ไปเป็นครูฝึกพิเศษที่ยูเอบ้าง โรงเรียนฮีโร่อื่น ๆบ้างแล้วแต่จะมีคนเรียก ก็น่าดีใจอยู่หรอกที่ฮีโร่เดกุค่อนข้างได้รับความนิยมในหมู่โรงเรียนฮีโร่พอสมควร แต่ไอ้รายการเรียกวิ่งไปเหนือทีใต้ทีติด ๆกันนี่ก็อยากจะร้องไห้อยู่เหมือนกันนะ 

มีช่วงหนึ่งเขาวิ่งงานหัวหมุนจนไม่ได้กลับห้องเป็นเดือน ๆเลยแน่ะ

อิซึกุคิดพลางยกมือคว้าผ้าที่โปะอยู่บนหน้าผากวางข้างตัวแล้วหันไปมองรูปถ่ายในกรอบไม้อย่างดีบนโต๊ะเขียนหนังสือที่อยู่ออกไปไม่ห่าง 

รูปแรกเป็นรูปถ่ายรวมในงานจบการศึกษาของชาวห้องเอ ส่วนรูปถัดมาเป็นรูปคู่ของเขาและคัตสึกิในชุดฮีโร่ที่ได้รับการอัพเกรดจากทีมซัพพอร์ตเรียบร้อยแล้ว ตรงหน้ากรอบรูปคู่มีแหวนสีเงินเรียบ ๆวงหนึ่งวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ 

ถ้าย้อนเวลากลับไปบอกตัวเขาในวัยมัธยมต้นว่าชีวิตหลังเรียนจบของเขากับคัตจังจะกลายเป็นแบบนี้ มิโดริยะ อิซึกุในวัยนั้นต้องช็อกจนเป็นลมแน่ ๆ 

ส่วนคัตจังก็คง…คิดมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาสีเขียวที่ตอนแรกดูมึน ๆงง ๆก็ฉายประกาศสดใสขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนจางที่ผุดขึ้นบนริมฝีปาก 

…คงต่อยเขาในตอนนี้คว่ำแล้วด่ายับแบบไม่เกรงใจว่าใครเด็กใครผู้ใหญ่แน่ ๆ 

จะว่าไปแล้ว ตอนที่เพื่อน ๆในห้องเอรู้ ทุกคนก็ดูตกอกตกใจกันมากเหมือนกันนี่นา 

อิซึกุอมยิ้มน้อย ๆ แล้วลุกจากเตียงไปรินน้ำจากเหยือกใส่แก้ว ก่อนจะเดินถือแก้วน้ำออกไปจากห้องนอน เปิดประตูออกไปห้องนั่งเล่นที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของห้องชุดห้องนี้ แล้วทิ้งตัวนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนโซฟาตัวใหญ่สำหรับสามคนหน้าทีวี 

ปิ๊ป 

เสียงกดรีโมทเปิดทีวีดังขึ้นเบา ๆในความเงียบ แล้วเสียงรายงานข่าวก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขึ้นมาแทน 

วิลเลินคือสิ่งที่ไม่มีวันหมดไปจากสังคม แต่โชคดีที่ตอนนี้สัดส่วนการก่ออาชญากรรมในเมืองที่เขาอาศัยอยู่นี้ลดลงเมื่อเทียบกับห้าหกปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้อย่างน้อยอิซึกุก็พอจะมั่นใจได้ว่า ไม่ต้องวิ่งหน้าตั้งออกไปปราบวิลเลินทั้งชุดนอนตอนกลางดึกกลางดื่น 

นั่งดูรายงานข่าวไปได้สักพัก เสียงท้องร้องก็ดังประท้วงเหมือนจะเตือนให้คนป่วยที่ไม่ยอมนอนไปกินข้าว อิซึกุที่นั่งดูข่าวจนเกือบจะหลับแล้วเลยยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วเดินลากขาไปที่ครัวโดยไม่ลืมจะเอาแก้วน้ำที่หยิบออกจากห้องในตอนแรกไปเก็บ 

พอเดินมาถึงบริเวณห้องครัว สายตาก็ไปปะทะเข้ากับอาหารที่ห่อด้วยแรปพลาสติกที่วางอยู่บนโต๊ะ แถมด้วยโน้ตลายออลไมท์สีเหลืองอ่อนที่จำได้ว่า เขาเถียงกับรูมเมทแทบตายว่าห้ามเอาออกมาใช้พร่ำเพรื่อ

ให้ตายเถอะ นี่มันของลิมิเต็ดที่ตอนนี้ไม่มีขายที่ไหนอีกแล้วนะ 

พอเขาป่วย คัตจังก็หยิบของสะสมของเขาออกมาใช้ตามใจตัวเองอีกแล้ว

อิซึกุคิด พลางลากตัวเองไปดึงโน้ตที่แปะอยู่ขึ้นมาอ่าน ลายมือบนโน้ตจะบอกว่าแย่ก็ไม่แย่ แต่ก็ดูจะห่างไกลกับคำว่าลายมือสวยอยู่พอสมควร 

‘เอาไปอุ่นซะ อย่าลืมกินยาด้วย’

โน้ตห้วน ๆที่สมกับเป็นอีกฝ่ายทำให้อิซึกุยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วเอาโน้ตแผ่นนั้นไปใส่ในกล่องไม้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆที่พอมองดี ๆแล้ว มีแต่โน้ตลายมือของคัตสึกิเต็มไปหมด จากนั้นก็คว้าจานข้าวเข้าไมโครเวฟ กดปุ่มสตาร์ทแล้วยืนรอให้อาหารอุ่นจนเสร็จ 

‘ปากร้ายใจดี’ นั่นล่ะคือคัตจังของเขา

ปกติชอบทำหน้าเหมือนไม่อยากจะยุ่งด้วย แต่ตอนที่วิ่งไปขอคำแนะนำเรื่องการฝึกต่อสู้ทีไร สุดท้ายคัตจังก็ให้ความเห็นที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้จริงหลายอย่างมากอยู่ดี  

…ถึงแม้ตอนนั้นเจ้าตัวจะแทบไม่มองหน้าเขาเลยก็เถอะ 

ตอนที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันช่วงแรก ๆก็เหมือนกัน ตอนแรกก็เป็นคนคนออกปากเองแท้ ๆว่า ต่างคนต่างอยู่ ของของใครก็เก็บเอง แต่สุดท้ายก็มาช่วยเขาเก็บคอลเลคชั่นฟิกเกอร์ออลไมท์เข้าตู้จนหมด 

อิซึกุใช้เวลาไม่นานก็จัดการอาหารอ่อนฝีมือคนปากร้ายแต่ใจดีจนเกลี้ยง หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ร่างเล็กที่สูงขึ้นจากช่วงสมัยมอปลายไม่เท่าไหร่ของฮีโร่เดกุก็เดินไปหยิบยาที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร กลั้นใจกลืนแล้วรีบยกน้ำตามอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ลากตัวเองไปที่โซฟาตัวเดิม 

มือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นคว้าผ้าห่มเนื้อนุ่มสีเขียวอ่อนผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้มือมาคลุมตัวเอง แล้วเปิดทีวีดูรายการวาไรตี้เรื่อยเปื่อย 

หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาสีเขียวที่ดูง่วงงุ่นจากไข้หวัดอยู่แล้วก็ค่อย ๆปรือลงช้า ๆ สุดท้ายแล้วเจ้าของห้องเพียงคนเดียวในตอนนี้ก็เผลอหลับพิงที่วางแขนของโซฟาไปด้วยฤทธิ์ยาลดไข้

 

….

….

“อืม…” อิซึกุพลิกตัวไปมา รู้สึกเหมือนลำคอแห้งผาก 

หลังจากที่พลิกตัวไปมาสองสามที เขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า ตอนนี้ที่ที่นอนอยู่ไม่ใช่โซฟาตัวกว้างในห้องนั่งเล่น แถมผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่ตอนนี้ก็หนาเกินกว่าจะเป็นผ้าห่มที่เขาคว้ามาคลุมตัวเองก่อนเผลอหลับไป

ดวงตาสีเขียวค่อย ๆลืมขึ้นอย่างช้า ๆ โชคดีที่ตอนนี้แสงไฟในห้องเปิดแค่สลัว ๆ อิซึกุจึงไม่มีปัญหาใด ๆกับการปรับสายตา 

ภาพแรกที่เข้าสู่สายตาของคนป่วยคือฮีโร่หนุ่มเจ้าของห้องอีกคนในชุดอยู่บ้านแบบสบาย ๆนั่งอยู่บนเตียงเดียวกัน แต่หันหลังพิงกำแพงห้องอยู่ ในมือถือสมาร์ทโฟนอ่านข่าวไปตามเรื่องราว 

“…คัตจัง” เสียงพึมพำจากคนป่วยที่เพิ่งตื่นทำให้คัตสึกิหยุดนิ้วที่กำลังไถทวิตเตอร์อ่านข่าวสารต่าง ๆอยู่ลง 

“ตื่นแล้วเรอะ” คัตสึกิว่า พลางลดมือวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหัวเตียง “บอกให้นอนพักเฉย ๆแท้ ๆ แต่ดันเดินว่อนไปทั่วห้อง โทรทัศน์ก็เปิดทิ้งไว้ นี่นอนยังไงของแก หา”

“…ก็ให้นอนอยู่เฉย ๆทั้งวันมันไม่ชินนี่นา” อิซึกุหัวเราะแหะ ๆ พลางยกมือดึงแผ่นคูลฟีเวอร์ที่คัตสึกิเอามาวางให้ตอนนอนออกแล้วเลิกผ้าห่ม พลิกตัวขึ้นนั่งพิงกำแพงบ้าง 

มือใหญ่ของคนข้างตัวยกขึ้นนาบหน้าผากวัดไข้ คิ้วเข้มขมวดลงเล็กน้อย “ไข้ลดลงไปบ้างแล้ว พรุ่งนี้แกพักอีกวันแล้วกัน” 

อิซึกุมองใบหน้าจริงจังของคุณหมอจำเป็นแล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “อื้อ”

ใบหน้าอ่อนเยาว์ของฮีโร่เดกุค่อย ๆเงยขึ้นจนริมฝีปากสัมผัสกับฝ่ามือของคัตสึกิเบา ๆ สัมผัสอุ่นบนกลางฝ่ามือทำให้คัตสึกิเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามกวน ๆกลับ 

“จะเอาหรือไง” 

อิซึกุยกนิ้วชี้ไปที่ตัวเองงง ๆ “…นี่ผมป่วยอยู่นะ เดี๋ยวก็ติดหวัดหรอก” 

“ทะลึ่ง !” คัตสึกิด่า 

“เปล่าสักหน่อย” คนป่วยยิ้มเผล่ พลางซุกหน้ากับอุ้งมือของอีกฝ่าย 

แยกไม่ค่อยออกเลยว่าระหว่างไข้อ่อน ๆที่ยังไม่ลดในตัวเขาตอนนี้กับอุณหภูมิร่างกายของคัตจัง…อย่างไหนอุ่นกว่ากัน 

อิซึกุพลิกหน้าไปมาสองสามทีเหมือนหามุมเหมาะ ๆสำหรับใบหน้าตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นจับมือของคัตสึกิข้างนั้นไว้ สัมผัสเย็น ๆ จากแหวนเงินที่คัตสึกิสวมติดตัวทำให้อิซึกุยิ้ม 

กว่าจะทำให้ใส่ติดตัวได้ก็บ้านแทบแตก 

แต่พอใส่จนคุ้นขึ้นมา กลายเป็นว่าคัตจังใส่แหวนบ่อยกว่าเขาอีก 

“ไม่ต้องนอนแล้ว อีกเดี๋ยวไปกินข้าวซะ แล้วจะได้กินยาต่อ” เสียงดุจากเจ้าของมือ ทำให้อิซึกุยิ้มกว้างขึ้นอีก 

ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบฟังเสียงดุของคัตจังจังนะ 

“อื้อ ขอบคุณนะคัตจัง” เสียงทุ้มของอิซึกุพึมพำ พลางเอียงหน้าจูบบนแหวนเงินวงนั้นเบา ๆ 

เสียงขอบคุณปนอ้อนเล็ก ๆ ทำให้คัตสึกิเผลอหลุดยิ้มขำออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวคนป่วยขี้อ้อนอย่างหมั่นไส้ 

“เหอะ ถ้าแกจะขอบคุณฉันจริง ๆ ใช้ทั้งชีวิตก็ตอบแทนไม่หมดหรอก”

อิซึกุยิ้มกว้าง ฉวยโอกาสตอบรับทันควัน แล้วหัวเราะ 

“….เพราะงั้นเลยต้องอยู่ด้วยกันไปยาว ๆแบบนี้ไง” 


หนึ่งวันที่ไม่มีอะไรเลยของน้องเดกุ 55555 แต่งขึ้นมาเพราะอยากเห็นคู่นี้มีบรรยากาศหวาน ๆดี ๆกันบ้างค่ะ ปกติเป็นแนวเด็กดื้อต้องโดนตีอยู่ตลอดเลย 555555 อีกอย่างคืออยากเห็นซีนจูบนิ้วด้วย เลยกาวขึ้นมาเองแบบสั้น ๆ /////

[Kiribaku] Only you

แซ่ดด แซ่ดด….

บาคุโก คัตสึกิในชุดงานพิธีการหรี่นัยน์ตามองไปรอบงานเลี้ยงขอบคุณอย่างหงุดหงิด 

…ให้ตายเถอะ ชุดพิธีการพวกนี้น่าอึดอัด เนกไทรัดคอเขาจนแทบจะหายใจไม่ออก เด็ก ๆที่ขยันวิ่งเข้ามามะรุมะตุ้มเขาพวกนี้ก็น่ารำคาญ ส่งเสียงโหวกเหวกหนวกหูไม่หยุด  

“กราวด์ซีโร่ !”

“เฮ่ กราวด์ซีโร่ล่ะ นายทำดอกไม้ไฟตู้ม ๆพวกนั้นให้ดูอีกทีได้มั้ย”  

ระเบิดของฉันมันไม่ใช่ดอกไม้ไฟโว้ย เจ้าพวกเด็กโง่…คัตสึกิคิด รู้สึกเหมือนเส้นประสาทความอดทนของเขาส่วนหนึ่งกำลังจะขาดอยู่รอมร่อ 

ทำไมเขาต้องมางานเลี้ยงบ้าบอพรรค์นี้ด้วยวะ 

….

เมื่อหลายเดือนก่อนเมืองเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากโตเกียวเมืองนี้กลายเป็นที่ซ่องสุมของพวกวิลเลินหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่ง พวกมันค่อย ๆขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ไปทั่ว และด้วยความที่เป็นเมืองเล็ก อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ สำนักงานฮีโร่ท้องถิ่นมีอยู่น้อย การขยายตัวของวิลเลินในเวลาอันรวดเร็วทำให้โปรฮีโร่ท้องถิ่นที่มีจำนวนน้อยนิดรับมือไม่ไหวจึงมีการขอความร่วมมือจากฮีโร่ในพื้นที่อื่น ๆให้เข้ามาช่วยกันจัดการ ฝ่ายฮีโร่จึงมีการรวมตัวกันอย่างลับ ๆทันทีที่ได้รับแจ้งเพื่อวางแผนจัดการวิลเลินกลุ่มนี้ แน่นอนว่าการรวมตัวฮีโร่นั่นรวมไปถึงคัตสึกิที่ตอนนี้ออกปฏิบัติหน้าที่ในฐานะโปรฮีโร่มาได้สองปีกว่าแล้วด้วยเช่นกัน 

การปฏิบัติการครั้งนั้น จะว่าใหญ่ก็ไม่ได้ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่ได้เล็ก เพราะในงานครั้งนั้น เขาได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นห้อง A หลายคนที่หายหน้าหายตากันไปนานหลังจากต่างคนต่างก็เริ่มทำหน้าที่ในฐานะโปรฮีโร่อย่างเต็มตัว 

รวมไปถึงเจ้าหมาบ้าที่บาดเจ็บชนิดร่างเยินไปหมดเพราะชอบสะเออะไปรับดาเมจในแนวหน้าบ่อย ๆแต่ดันฟื้นตัวได้ไวอย่างน่าเหลือเชื่ออย่างเจ้าหัวแดงนั่นด้วย 

“เฮ้ย บาคุโก ! ลองชิมนี่หน่อยมั้ย ได้ยินว่าเป็นเครื่องดื่มขึ้นชื่อของที่นี่ล่ะ !” คิริชิมะ เอย์จิโร่ในชุดพิธีการที่ดูขัด ๆกับบุคลิกจริงอย่างบอกไม่ถูกตะโกนเรียก ในมือข้างหนึ่งถือแก้วเครื่องดื่มสีทองสว่างแก้วหนึ่งอยู่ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็โบกมือเรียกคัตสึกิไปมาเหมือนเด็ก ๆ 

หลังจากการปฏิบัติการในครั้งนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี ตัวแทนเมืองจึงได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณเหล่าฮีโร่ขึ้น อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะมา ฮีโร่ตัวท็อปหลาย ๆคนก็ไม่ได้มา เนื่องด้วยติดภารกิจอื่นกันหมด แต่เพราะคิริชิมะที่ชอบเรื่องสนุกลากเขามา ฮีโร่เจ้าของสำนักงานที่เขาไปทำงานด้วยก็เห็นว่าช่วงนี้ไม่ได้มีตารางงานอะไรเป็นพิเศษ เลยอนุญาตให้มาโผล่ที่นี่อีกครั้งจนได้ 

“โฮ่ย ! บาคุโก ! มาทางนี้เร็วเข้า !”  

ดูไปดูมาก็เหมือนจะเห็นภาพหลอนของหูฟู ๆ กับหางฟู ๆที่ตวัดไปมาอย่างอารมณ์ดีผุดขึ้นมาเลือนราง 

ยิ่งมองก็ยิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่า คนอย่างหมอนี่จะสอบขอใบอนุญาตผ่านเป็นโปรฮีโร่ได้พร้อมกับนักเรียนสาขาฮีโร่ตัวท็อปอย่างเขา

แต่ถึงแม้จะดูไม่ค่อยเต็ม หรือทำอะไรหุนหันพลันแล่นเหมือนไม่ได้ผ่านการคิดมาก่อนอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงสองปีมานี้ คิริชิมะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะโปรฮีโร่ได้เป็นอย่างดี

…ถึงแม้มันจะจบงานด้วยการเจ็บตัวสารพัดอย่างก็เถอะ 

บาคุโกถอนหายใจ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ส่วนอีกข้างโบกมือให้เด็ก ๆที่ยังคงส่งเสียงขอให้ทำ ‘ดอกไม้ไฟ’ ให้ ก่อนที่จะเกิดประกายไฟดังเปรี๊ยะ เปรี๊ยะในอากาศอยู่สองสามครั้ง ก่อนประกายไฟนั้นจะหายไปโดยไม่เกิดระเบิดตูมตามให้แขกในงานตกใจ  

“ว้าววว สุดยอดดด” 

“ขออีกรอบ !” 

“ไม่ !” คัตสึกิปฏิเสธเสียงห้วนอย่างเด็ดขาด รู้สึกเหมือนเส้นความอดทนในหัวขาดหายไปอีกเส้น 

“บาคุโก !” เสียงเร่งให้เข้าไปหาดังขึ้นอีก 

“รู้แล้วน่า ! ได้ยินแล้ว !” คัตสึกิตะโกนเสียงห้วนตอบกลับ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าไปเข้าไปหาคิริชิมะอย่างหงุดหงิด 

เอาจริง ๆก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหมอนี่ชอบมาวิ่งตามเขาอยู่ต้อย ๆๆอยู่เรื่อย 

ตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ที่ยูเอแล้ว…

หลังจากที่ทุกคนกลายเป็นโปรฮีโร่ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามที่ต่าง ๆ บางคนปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ บางคนอยู่ในญี่ปุ่น แต่ก็กระจายพื้นที่กันไปตามความถนัดของตัวเอง เวลาที่ได้รวมตัวกันจริงจังของห้อง A มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากเท่าไหร่ งานราษฏ์งานหลวงก็เยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว 

ส่วนตัวเขาเองก็ไม่อยากยุ่มย่ามกับคนกลุ่มใหญ่เท่าไหร่นัก คนเยอะยิ่งน่ารำคาญ ยิ่งได้เห็นเจ้าเดกุที่ตอนนี้กลายเป็นฮีโร่แนวหน้าไปแล้วก็ยิ่งชวนให้หงุดหงิด ดังนั้นเวลาชาวห้อง A นัดรวมตัวกันทีไร เขามักจะเมินข้อความเหล่านั้นเสมอ เลยกลายเป็นว่า หนึ่งในไอเท็มแรร์ที่มักไม่ค่อยปรากฎตัวในงานเลี้ยงรียูเนี่ยนห้อง A คือตัวเขาเอง 

แต่ถึงจะไม่ค่อยได้เจอคนพวกนั้นเท่าไหร่ เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว 

มีแต่เจ้าหมาหัวแดงที่ชอบวิ่งตามเขาตั้งแต่สมัยเรียนนี่แหละ ที่ดันเจอกันบ่อยอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้เพราะทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงกัน หรือเพราะอะไร เขากับคิริชิมะมักจะเจอกันในงานกวาดล้างวิลเลินตั้งแต่ระดับเล็ก กลางไปจนถึงระดับใหญ่อยู่เสมอ 

ความบ้าดีเดือดของมันในแต่ละงานก็ทำให้เขาปวดหัวอยู่บ่อย ๆ ความเป็นลูกผู้ชายบ้าบอในสายเลือดของมันก็เหมือนกัน… 

คัตสึกิคิด ขณะที่รู้สึกเหมือนความทรงจำในอดีตกำลังจะทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง 

เมื่อสองสามปีก่อน ในช่วงที่เขายังไม่เป็นโปรฮีโร่อย่างเต็มตัว ระหว่างการเตรียมจับกุมวิลเลินที่ลอบขนส่งยาเสพติดออกนอกประเทศ เนื่องจากจุดที่คาดการณ์ว่าจะเป็นจุดนัดส่งยาเสพติดมีหลายจุดมากเกินไป จึงมีการกระจายโปรฮีโร่ออกเป็นกลุ่มย่อย ๆหลายกลุ่มเพื่อไปจับตามองพื้นที่เฝ้าระวังแต่ละพื้นที่ อันที่จริงวิลเลินกลุ่มนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรเท่าไหร่ แต่พวกมันมีอุปกรณ์เสริมแปลก ๆจากตลาดมืดที่ทำให้เกิดการระเบิดสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ ดังนั้นถ้าจับตัวได้เมื่อไหร่ สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรก ๆ คือแยกอุปกรณ์พวกนั้นกับวิลเลินออกจากกันซะ    

ระหว่างจับตามองพื้นที่เฝ้าระวัง แจ๊กพอตเรื่องสถานที่ขนส่งยาเสพติดดันมาออกที่กลุ่มย่อยที่บาคุโกได้รับมอบหมาย หลังการต่อสู้ที่ผลาญพลังอัตลักษณ์ของเหล่าฮีโร่ไปหลายส่วน พื้นที่เกิดความเสียหายจากอุปกรณ์พิเศษของพวกวิลเลินเป็นวงกว้างไปประมาณสองสามช่วงตึก ในที่สุดกลุ่มย่อยที่บาคุโกสังกัดอยู่ก็จับกุมตัววิลเลินทั้งหมดได้ 

แต่เพราะจำนวนโปรฮีโร่ที่กระจายกำลังกันออกไปเฝ้าระวังหลายพื้นที่ ทำให้มีวิลเลินสองสามคนพร้อมอุปกรณ์หน้าตาประหลาดในมือหลุดรอดออกไปได้ และอาศัยจังหวะที่โปรฮีโร่คนอื่นกำลังเคลียร์พื้นที่พยายามบุกเข้ามาชิงยาเสพติดของกลางคืน 

ความซวยของคัตสึกิในวันนั้นคือเขาตกเป็นเป้าชิงของกลางเพราะเป็นในหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ยาเสพติดในกล่องนิรภัยเก็บหลักฐานมากที่สุด อีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะอุปกรณ์พิเศษเพียงชิ้นเดียวที่เหลือในมือวิลเลินดันเป็นประเภทที่ตอบสนองต่ออัตลักษณ์ประเภทไฟหรืออะไรที่ใกล้เคียงกันได้ดีเป็นพิเศษ พวกมันเลยคิดว่าเขาคงไม่กล้าเสี่ยงปล่อยอัตลักษณ์ให้ปะทะกับอุปกรณ์แล้วเกิดระเบิดตู้มต้ามทำให้เมืองเสียหายไปมากกว่านี้ 

ใช่แล้ว ดีเป็นพิเศษที่ว่าหมายถึงระเบิดตูมตามได้ดีเป็นพิเศษน่ะแหละ

เพราะแบบนั้นคัตสึกิที่กำลังจะใช้อัตลักษณ์ระเบิดจัดการศัตรูถึงต้องหยุดการทำงานของอัตลักษณ์ในฉับพลันแล้วยกแขนขึ้นกันอัตลักษณ์ประเภทใบมีดหนามของอีกฝ่ายทันที 

แต่ใครจะรู้ แทนที่จะโดยมีดหนามเสียบแขนแล้วอาศัยจังหวะสวนกลับให้อีกฝ่ายหน้าหงาย คัตสึกิกลับโดนผลักกระเด็นออกมาแล้วมีไอ้หน้าโง่บางคนเอาตัวเองเข้าไปรับใบมีดหนามของวิลเลินแทน 

‘คิริชิมะ !’

โชคดีที่อัตลักษณ์ใบมีดหนามนั้นทำอะไรคิริชิมะที่มีอัตลักษณ์แข็งตัวไม่ได้ แต่โชคร้ายที่อุปกรณ์เสริมบ้าบอนั่นทำงานขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากสู้กับวิลเลินอีกเหลือไม่ถึงครึ่งยก กำลังเสริมจากทีมโปรฮีโร่ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็มาถึง พอกำลังคนเยอะขึ้น อะไร ๆก็สะดวกขึ้นเยอะ ใช้เวลาเก็บกวาดไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย 

และสุดท้ายคนที่ไม่น่าจะเจ็บตัวได้ก็ดันตัวพังยับเยินไปเป็นแถบเพราะแส่เข้ามาหาเรื่องเอง 

ทั้ง ๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ ๆ

‘โง่รึเปล่าน่ะแกเนี่ย ติดเชื้อบ้ามาจากคนอื่นรึไง’ คัตสึกิค่อนขอดเสียงแข็ง พลางทิ้งตัวลงนั่งสมาธิมองคิริชิมะที่กำลังได้รับการพยาบาลเบื้องต้นอยู่ 

ถ้ามันไม่เข้ามากันให้เขา พวกวิลเลินก็คงไม่ต้องหันไปเล่นงานมันแบบนั้น 

คิริชิมะที่หน้าทั้งหน้ามอมแมมไปหมด เครื่องป้องกันส่วนหัวแตกไปส่วนหนึ่งฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ทั้ง ๆที่สภาพดูไม่จืด แต่แวบหนึ่งคัตสึกิกลับอดรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกไปวูบหนึ่งไม่ได้ 

‘ช่วยไม่ได้ เห็นนายแล้วร่างกายมันขยับไปเองนี่หว่า’ 

“ชิ”

ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี๊ก่อน ทำให้เส้นความหงุดหงิดขาดผึงไปอีกเส้น 

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการที่โดนคนที่อ่อนแอกว่ามาปกป้องเขาเนี่ยแหละ 

“บาคุโก ?” คิริชิมะที่ยังค้างอยู่ในท่าถือแก้วเครื่องดื่มสีทองเรียกชื่อเขางง ๆ 

“หุบปาก เรียกอะไรเยอะแยะ” คัตสึกิด่า แล้วคว้าเครื่องดื่มสีอำพันจากบริกรกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นเช็ดปาก กระแทกแก้วลงบนโต๊ะใกล้ ๆแล้วเดินจากไปทันที 

“อ้าว เฮ้ ! นายจะไปไหนน่ะ” 

“อยู่ข้างในแล้วมันหงุดหงิด จะออกไปข้างนอกซักหน่อย” คัตสึกิตะโกนตอบโดยไม่เหลียวหลัง ก่อนจะรีบสำทับเพราะกลัวเจ้าหมาหัวแดงที่ชอบวิ่งตามเขาต้อย ๆจะเดินตามมาสร้างความหงุดหงิดให้เขาอีก “ไม่ต้องตามมานะแกน่ะ” 

 

 

ให้ตายเถอะ…

ถ้ารู้ว่ากลับเข้ามาอีกทีแล้วต้องเจอเรื่องยุ่งยากพรรค์นี้ เขายอมให้มันตามมาสร้างความปวดหัวให้เขาระยะสั้นต่อดีกว่าที่จะกลายเป็นความยุ่งยากระยะยาวแบบนี้ 

“บา~คุ~โก~” 

…หมดสภาพ 

ถ้ารู้ว่าตัวเองคออ่อนอยู่แล้วจะไปดื่มเหล้าให้เมาเป็นหมาแบบนี้ทำไมวะ ! 

“ตะ…ต้องขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่คิดว่าเขาจะเมาอย่างขนาดนี้ เห็นบอกว่าอยากชิมเครื่องดื่มชื่อดังของเมืองเราเพิ่มอีก เลยส่งเหล้าที่ดีที่สุดของเราให้เขาไป…” บริกรสาวที่รับหน้าที่ดูหรูแลแขกในงานมองหน้าคัตสึกิอย่างหวาด ๆ ก่อนจะก้าวถอยหลังอีกก้าวเมื่อเห็นสีหน้าทะมึนของคนที่เหมือนวิลเลินมากกว่าฮีโร่ “คะ…แค่แก้วเดียว เขาก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วค่ะ” 

เห็นสีหน้าหวาดผวาของบริกรสาวแล้ว คัตสึกิก็จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพูดเสียงห้วน “หมอนี่มันคออ่อนแต่ไหนแต่ไรแล้ว ช่างเถอะ ฉันจะดูแลเขาเอง” 

ประโยคที่เหมือนเป็นคำประกาศอภัยโทษจากโปรฮีโร่หน้าตาน่ากลัว ทำให้บริกรสาวรีบค้อมตัวประหลก ๆแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งคนเมาไว้กับคนขี้หงุดหงิดอย่างคัตสึกิเพียงสองคน 

เวลานี้ก็ดึกแล้ว กลับเลยก็ได้มั้ง 

คัตสึกิคิด ก่อนจะก้มตัวลงจับแขนแกร่งของคนเมาขึ้นพาดไหล่ แล้วยืนขึ้นแบบทุลักทุเล

ในช่วงเวลาสั้น ๆเพียงไม่กี่ปี นอกจากจะฟิตร่างกายจนแข็งแรงและเต็มไปด้วยมัดกล้ามยิ่งกว่าสมัยเรียนมอปลายมากแล้ว คิริชิมะยังสูงขึ้นอย่างพรวดพราดจนตอนนี้สูงกว่าเขาถึงห้าหกเซ็นต์แล้ว 

ชิ คิดแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาอีก ทำไมต้องมาสูงแพ้เจ้าหมานี่ด้วยนะ 

 

 

แกร๊ก 

“ฟู่ว หนักชะมัด” คัตสึกิบ่น หลังจากที่ปาร่างสูงใหญ่ของรูมเมทลงบนเตียงในโรงแรม 

อันที่จริง โปรฮีโร่แทบทุกคนได้รับห้องนอนห้องเดี่ยวในโรงแรมที่ดีที่สุดของเมือง แต่เพราะเจ้าคิริชิมะดันไปผ่าพูดว่า ไม่ได้เจอกันนานแล้วมีเรื่องที่อยากคุยด้วยกันเยอะ ทางผู้จัดงานถึงได้เข้าใจว่า เขากับมันเป็นเพื่อนรักที่ห่างหายกันไปเพราะเรื่องงานเป็นเวลานาน เลยจองห้องเดียวกันไว้ให้เสียอย่างนั้น 

แต่เอาเถอะ จริง ๆเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกว่า ห้องจะหรูหรือยังไง อยู่ได้ก็พอแล้ว 

มีมันอยู่ด้วยก็เหมือนสมัยไปทัศนศึกษาสมัยเรียนน่ะแหละ…คัตสึกิคิด ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเดี่ยวอีกหลังที่อยู่ใกล้ ๆแล้วมองคนเมาที่เมาจนพูดงึมงำไม่รู้เรื่อง ผิวบริเวณแก้มแดงขึ้นมาแข่งกับสีผมเสียจนน่าตลก 

“คออ่อนยังงี้ทีหลังก็อย่าเสือกไปกินแอลกอฮอล์แบบโง่ ๆอีก” คัตสึกิพึมพำเบา ๆ พลางถอดเสื้อนอก แก้เนกไทของตัวเองออก แล้วลุกขึ้นเอาเสื้อนอกไปแขวน หลังจากนั้นก็หายไปในห้องน้ำราว ๆสิบห้านาที ก่อนจะออกมาในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล และผ้าขนหนูสีอ่อนพาดคอ 

คัตสึกิสะบัดผมที่มีน้ำเกาะอยู่สองสามที แล้วเดินตรงมาหาคนที่นอนหมดสภาพบนเตียง สายตากวาดมองไปทั่วร่างคนที่นอนหลับอย่างสมเพช 

เมาจนหลับไม่รู้เรื่อง…

แต่จะปล่อยให้มันนอนทั้งสภาพแบบนี้ก็อดสงสารนิดหน่อยไม่ได้ ยิ่งถ้าตอนกลางคืนมันนอนดิ้นจนเสื้อผ้าราคาแพงยับเยินตื่นมาตอนเช้าต้องมีเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญกวนใจเขาแน่ ๆ

“เฮ้อ เวรกรรมอะไรของฉันวะ” คัตสึกิถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งบนเตียงแล้วโน้มตัวไปขยับเสื้อนอกจากคนที่นอนอยู่ออก 

พอถอดเสื้อนอกได้หนึ่งอย่าง หลังจากนั้นก็ดึงเสื้อออกนอกกางเกงเพื่อให้คนที่หลับอยู่ได้สบายขึ้นอีกหน่อย 

แล้วก็เนกไท…

มันผูกบ้าบออะไรของมันเนี่ย ! คัตสึกิคิด ขณะกระชากเนกไทขึ้นสูงจนคอของคนเมาลอยจากเตียงขึ้นนิดหน่อย แต่ก้มลงมองผมอย่างหงุดหงิด ปมเนกไทเจ้าปัญหาเป็นปมที่ดูเผิน ๆก็เหมือนปมเนกไทปกติที่ไม่น่าถอดยากอะไร แต่พอมองใกล้ ๆ มันกลับพันกันแปลก ๆ แบบที่ดึงด้วยวิธีธรรมดาแล้วแก้ไม่ออก 

โว้ยย ! อยากจะระเบิดให้หายไปทั้งเส้นทั้งคน ! 

คัตสึกิคิดอย่างหงุดหงิดก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อสังเกตปมเนกไท มือข้างหนึ่งก็ลองกระตุกดูเบา ๆเผื่อมันจะหลุดง่ายกว่าที่คิด แรงกระตุกทำให้ปมที่พันกันแบบงง ๆ หลุดออก  

โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ปมธรรมดา 

คิดไปก็ลงมือถอดเนกไทให้คนเมาไป โดยไม่ทันสังเกตเลยว่า แรงกระตุก‘เบา ๆ’เมื่อกี๊ ทำให้คนเมาที่น่าจะหลับเป็นตายค่อย ๆลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สมองยังมึนงงอยู่จากฤทธิ์เหล้าที่บริกรสาวโฆษณานักหนาว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้เหล้าแพง ๆที่ไหน ๆ 

ผมฟูฟ่องสีอ่อนคุ้นตาคือสิ่งที่คิริชิมะเห็นเป็นอย่างแรก 

ฝันอย่างนั้นเหรอ ? บาคุโกที่ปกติมักจะเว้นระยะห่างกับคนอื่น ๆเสมอคนนั้นน่ะนะที่จะมาทำอะไรยุกยิกบนอกเขา ? 

ฝันแน่ ๆ 

ถ้าเป็นฝันละก็ ถ้าอย่างนั้น…

ความคิดที่ทำให้เรดไรออทค่อย ๆฉีกยิ้มบางเบาจนใบหน้าติดจะแข็งกร้าวเล็ก ๆ ดูอ่อนโยนขึ้น มือใหญ่วางลงบนเส้นผมนุ่มน่าสัมผัส ทั้ง ๆที่เจ้าของของมันดูแลแบบขอไปที ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เจ้าของเส้นผมนุ่มไม่ทันตั้งตัว พลิกกลับเป็นฝ่ายคุกคาม 

สภาพในตอนนี้อยู่ในสภาพที่คิริชิมะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นยันแขนกักอีกฝ่ายไว้ ส่วนคัตสึกิที่ไม่ทันตั้งตัวยังค้างอยู่ในท่าจับเนกไท ถึงแม้จะสลับตำแหน่งกันแล้วก็ตาม 

หา ? 

คัตสึกิคิดอย่างอึ้ง ๆ รู้สึกได้สติเมื่อใบหน้าของอดีตเพื่อนร่วมชั้นโน้มเข้ามาใกล้ แล้วคลอเคลียอยู่บริเวณแก้ม แล้วย้ายไปดอมดมที่ซอกคอเหมือนสุนัขตัวใหญ่กำลังอ้อนเจ้าของ 

มือใหญ่ข้างหนึ่งที่เริ่มอยู่ไม่สุขค่อย ๆ ล้วงเข้าไปในเสื้อนอนสีขาวตัวบางของคนขี้ร้อนช้า ๆ แล้วลูบไปมาบริเวณสีข้าง จากนั้นก็ขยับขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ 

ลมร้อนที่คลอเคลียแถว ๆใบหน้าและความรู้สึกวาบหวามไม่คุ้นชินทำให้คัตสึกิเบิกตากว้าง ความร้อนเห่อไล่ไปตามใบหน้าทีละส่วน ทีละส่วน 

คิ— คิริชิมะ… 

นัยน์ตาสีแดงของคัตสึกิค่อย ๆปรือลงเล็กน้อยอย่างเผลอไผล ก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่ด้วยสายตาโชนแสงสว่างวาบ 

แกกก ! 

“อั่ก !” เสียงจุกเหมือนคนหายใจติดขัดดังขึ้นทันทีที่คนที่อยู่ข้างใต้กระชากเนกไทอย่างรุนแรง รูดเสียจนปมเนกไทติดคอเจ้าของ แล้วตามด้วยเสียงเข่าหนัก ๆที่ท้องของคนเมา ทำให้คนที่ตัวสูงกว่างอตัวเป็นกุ้งแล้วพลิกล้มไปด้านข้างทันที 

“ไอ้เวรนี่ อุตส่าห์ใจดีด้วยแล้วมาเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง อยากตายรึไง” คัตสึกิทะลึ่งตัวเด้งขึ้นยืนพรวด พลางสบถหยาบคาย นัยน์ตาสีแดงโชนแสงกวาดรอบร่างของคนที่ยังนอนงอตัวอยู่อย่างไม่พอใจ 

ไอ้บ้านี่ 

ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าเมาแล้วจะเลื้อยเป็นงูแบบนี้

คำด่าที่พ่นพรวดออกมาว่าเยอะแล้วยังไม่เท่าคำด่าที่พ่นออกมาไม่หยุดในใจของคนถูกลวนลาม 

คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะ….มันจะ…โว้ยย ! ความร้อนเห่อไล่ไปตามใบหน้า รวมถึงหัวใจที่เต้นรัวเร็วขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้คัตสึกิสบถด่าไม่หยุด พร้อมกับก้มตัวลงไปดึงเนกไทให้แน่นขึ้นอีกระดับ 

หายใจไม่ออกตายไปทั้งอย่างนั้นแหละ ดีแล้ว ! 

“ถ้าอยากทำก็ไปหาคนอื่นข้างนอกโน่น !” คำตะคอกทิ้งท้าย พร้อม ๆกับที่คัตสึกิย้ายไปจัดการตัวเองเตรียมเข้านอนอีกทางทันที 

ขืนปล่อยให้เลยเถิดขึ้นมา ตื่นมาพรุ่งนี้ไม่รู้มันจะทำหน้ายังไง 

ไม่ใช่สิ

คัตสึกิเบิกตากว้างกับความคิดประหลาด ๆในหัวตัวเอง มือใหญ่ข้างหนึ่งยกมือกุมหัวอย่างสับสนเล็ก ๆ

สงสัยคืนนี้เขาจะเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงเกินไป สมองที่ปกติมันจะวิเคราะห์ทุกอย่างได้อย่างชาญฉลาดเสมอถึงได้เริ่มรวนขึ้นมา 

แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ ไหล่สองข้างรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งเมื่อคนเมาที่น่าจะนอนงอตัวเป็นกุ้งไปอีกพักใหญ่โถมตัวทิ้งแขนลงมากอดรอบคอเขา เอาคางเกยหัวฟู ๆที่ยังชื้นอยู่นิด ๆ 

“คิริชิมะ แก…” ไม่ทันจะจะคำพูดอะไรหลุดออกจากริมฝีปาก มือใหญ่ที่คล้องรอบคออยู่ย้ายไปโอบเอว ส่วนอีกข้างก็ดันคางคัตสึกิให้ยกสูงขึ้นรับสัมผัสหวานจากคนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย 

อันที่จริงจะเรียกว่าสัมผัสหวานก็ไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะรสชาติที่คัตสึกิได้รับเจือไปด้วยกลิ่นขม ๆ ของเหล้า 

“อื้อ !!!” 

โดยไม่ทันรู้ตัว มือสองข้างก็ถูกคนเมาที่เผลอใช้อัตลักษณ์แข็งตัวล็อกมือไว้ จากการพัฒนาอัตลักษณ์ในระหว่างเรียนที่ยูเอ ทำให้อัตลักษณ์ของคิริชิมะสามารถพัฒนาไปในเชิง ‘จับกุม’ ได้ ถึงแม้จะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าคนที่มีอัตลักษณ์ในด้านจับกุม กักขังโดยตรง แต่ก็มีประโยชน์แง่ที่ทำให้วิลเลินที่โดนจับตัวหยุดทำอันตรายไปได้สักพัก 

คิริชิมะไม่ค่อยเอาประโยชน์ในด้านนี้มาใช้เท่าไหร่ มันเคยบอกว่า ฟันคอให้สลบไปเลยง่ายกว่าการกักตัวแบบชั่วคราวเยอะ 

แต่ไม่คิดเลยว่า ไอ้ท่าที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบใช้จะเอามาใช้กับเขาที่นี่ ! ตอนนี้ !

บ้าเอ๊ย เมาหลับก็คือเมาหลับไปสิวะ มาเลื้อยอะไรต่อได้อีกสองยกเนี่ย !

คัตสึกิคิดอย่างเดือดดาล สองมือพยายามดื้นรนออกจากมือที่แข็งยิ่งกว่าคีมจับ แต่มือเปล่าที่ไร้พลังยังไงก็ไม่สามารถสู้มือที่เปลี่ยนสภาพเป็นของแข็งได้ ยิ่งพยายามขยับมือเท่าไหร่ อุณหภูมิความโกรธก็ยิ่งพุ่งสูงเพราะโกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

จริง ๆจะระเบิดทิ้งไปเลยก็ได้แท้ ๆ 

ที่น่าโกรธก็คือเขานี่แหละ ที่ระเบิดมันทิ้งไม่ลง 

เฮือก ! 

ไม่ทันจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยต่อ คัตสึกิก็สะดุ้งเฮือกทันที เมื่อรู้สึกได้ว่า มือที่โอบรอบเอวของเขาค่อย ๆปัดป่ายไปมาอย่างน่าหวาดเสียวภายใต้เสื้อตัวบาง ระยะห่างระหว่างเขากับคนเมาเลื้อยที่ตอนแรกก็ห่างกันอยู่น้อยนิดอยู่แล้วค่อย ๆขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นจนเรียกได้ว่า แทบไม่เหลืองช่องว่างใด ๆ 

มือใหญ่ปัดผ่านแผลเป็นในร่มผ้าที่เป็นรอยกรีดเป็นทางยาวจากสีข้างไปถึงซี่โครงด้านหน้า ก่อนจะหยุดแล้วลูบไปมาอย่างเบามือ แทนที่จะทำให้คัตสึกิผ่อนลมหายใจลง เขากลับสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อมือที่ปัดผ่านรอยแผลขยับขึ้นสูงไปอีก 

“อึก !” 

ผมสีแดงที่เคยเซตตั้งไว้เป็นอย่างดีตอนนี้ดูยุ่งเหยิง แถมยังตกลงมาปรกหน้าเป็นบางส่วน ผมแข็ง ๆจิ้มคอเขาจนรู้สึกคันยุบยิบ แต่อะไรก็ไม่ทำให้รู้สึกคันเท่าริมฝีปากอุ่นร้อนที่ขยับจากริมฝีปากบางไปที่ปลายคาง แล้วลงมาที่ไหล่แข็งแรง 

รู้ตัวอีกที ร่างที่มีมัดกล้ามพอสวยงามของคัตสึกิก็ถูกยกลอยขึ้นนิดหน่อย แล้วคนที่กำลังเอาเปรียบเขาอย่างเต็มที่ก็กลายมาเป็นคนครอบครองเก้าอี้ โดยที่มีเขานั่งอยู่ระหว่างกลางอีกทีแทน 

ขั้นตอนเก้าอี้ดนตรีเกิดขึ้นเร็วจนคัตสึกิไม่ทันสังเกต พอรู้ตัวก็เหมือนถูกกักตัวอยู่ตรงกลางอย่างสมบูรณ์แบบ 

ให้ตายเถอะ สมัยเรียนเคยเรียนวิธีเอาตัวรอดระยะประชิดจากวิลเลินอยู่มากมาย ยูเอไม่เห็นเคยสอนเลยว่า จะเอาตัวรอดจากอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่เมาจนลวนลามชาวบ้านไปทั่วยังไง !  

“คิริ…ชิ…มะ…แก…” อารมณ์รุนแรงในใจกับสัมผัสประหลาดที่ได้รับทำให้คัตสึกิหอบหายใจแรง ไม่แน่ใจว่าระหว่างความโกรธกับความอาย อย่างไหนมีมากกว่ากัน 

“บา…คุ…โก…” เสียงพึมพำป้อแป้ที่น่าจะเป็นเสียงแรกหลังจากที่มันลุกขึ้นมาทำนั่นทำนี่ไม่หยุด ทำให้คัตสึกิชะงักศอกที่เตรียมแทงคนข้างหลังให้หงายหลัง “ไม่สิ…คัตสึ…กิ” 

“หา ?” ทันทีที่ขานรับ นัยน์ตาสีแดงสองคู่ก็สบประสานกัน คนแรกในตามีความโกรธปนสงสัย ส่วนอีกคนแววตาล่องลอยเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี ก่อนจะคนที่สองจะอาศัยจังหวะที่คัตสึกิเปิดปากพูดเอียงคอเข้าครอบครองริมฝีปากนิ่มอีกครั้ง 

“นุ่ม…เหมือนของจริงเลย” เสียงพึมพำที่เล็ดรอดออกมาจากปากคนเมา ทำให้คัตสึกิเบิกตากว้าง 

ไอ้บ้านี่ ! พูดยังกับเหมือนเคยจูบเขาตอนมีสติอย่างนั้นแหละ !

“หะ…อื้ออ !!!”

“นาย…อาจจะยังเคยไม่รู้ก็จริง…” เสียงพึมพำช้าเอื่อย ๆ จากคนเมาที่ผละริมฝีปากออกแล้ววนไปที่แก้มดังขึ้น ก่อนจะย้ายไปซุกหน้าที่ซอกคออุ่น 

“…”

“สำหรับฉันน่ะนะ คัตสึกิ…ต้องเป็นนาย…” ริมฝีปากร้อนกดจูบหนัก ๆที่หัวไหล่ ก่อนจะพึมพำออกมาอีกจนจบประโยค “นายคนเดียวเท่านั้น”

“….”

“คร่อก” 

“หาาาาา !?” คัตสึกิที่รู้สึกได้ว่า มือที่โดนล็อกอยู่เป็นอิสระอย่างแท้จริงแล้วรีบศอกกระแทกคนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังทันที 

ตึง !!

ร่างแข็งแรงของคิริชิมะหงายหลังไปนอนพังพาบอยู่ที่พื้นอย่างหมดสภาพ ลมหายใจสม่ำเสมอและเสียงกรนเบา ๆทำให้คัตสึกิรู้ว่า คราวนี้อีกฝ่ายน่าจะหลับไปจริง ๆแล้ว เขาเลยเดินอ้อมมายืนมองคนที่กางแขนกางขานอนบนพื้นแบบไม่ได้สติ 

ตอนนี้จะระบายความโกรธก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อคู่กรณีที่ลวนลามเขาจนหัวใจแกว่งเมื่อครู่น็อกยาวไปแล้ว 

“ไอ้คิริชิมะ ไอ้…ไอ้….ฮึ่ยยย !”

พลั่ก ! พลั่ก ! พลั่ก ! 

“ไปตายซะ ไปตายซะ !”

…นอกจากเอาขายันกระแทก ๆ กลางอกคนเมาหลับสองสามทีแล้วขยี้ให้เป็นรูปเท้าอยู่กลางอกอย่างหงุดหงิดใจ 

ไอ้หมาโง่ ! 

 

[Deku x Katsuki] Awaken

WARNING : อาจจะมี OOC บ้างนะคะ ยังไม่ค่อยชินมือเท่าไหร่ค่ะ ดั้นด้นแต่งเพราะความกาวล้วน ๆแง

——————————————————————————- 

“โฮ่ย บาคุโก พวกเรามาเยี่ยมแล้วว !”  เสียงทักทายดังขึ้นก่อนที่เสียงประตูห้องพยาบาลของรีคัฟเวอรี่เกิร์ลจะเปิดดังปัง ! แล้วร่างคุ้นตาของชาวแก๊งห้อง A ในชุดนักเรียนยูเอก็ค่อย ๆโผล่หน้าเข้ามาทีละคน 

“ว่าไงเจ้าบาคุโก ไม่คิดเลยนะว่าจะมีวันที่ฉันเห็นนายนอนเดี้ยงคาเตียงกับเขาได้เหมือนกัน” คามินาริที่โผล่เข้ามาเป็นคนที่สองเอ่ยทักทายอย่างร่าเริง ตามด้วยมิเนตะที่โผล่มาทักทายแบบพอแสบพอคันเล่น แต่พอเจอคัตสึกิถลึงตาใส่พร้อมกับทำเสียง ‘หาาาา !?’ ใส่ มิเนตะก็รีบทำคอย่นไปหลบหลังคามินาริทันที 

“หนวกหูน่าคิริชิมะ ! พวกแกก็เหมือนกัน ! มาทำไม !” บาคุโก คัตสึกิในชุดผู้ป่วยดูแปลกตาตะโกนกลับตาขวาง 

สภาพดูยังไงมันก็ไม่เหมือนคนเจ็บแขนเดี้ยงขาเดี้ยงเลยสักนิด…เพื่อน ๆชาวห้อง A คิดในใจพลางฉีกยิ้มจืด

เมื่อสองสามวันก่อน ในคาบเรียนต่อสู้ช่วงบ่าย มีกิจกรรมจำลองเหตุการณ์ต่อสู้กับกลุ่มวิลเลินกลุ่มใหญ่ โดยแบ่งนักเรียนห้อง A เป็นสองทีม ทีมฮีโร่และทีมวิลเลิน ฝ่ายทีมฮีโร่จะอยู่ในห้องเตรียมตัวที่ถูกล็อคไว้ ไม่มีทางรู้ว่า จะเกิดเหตุการณ์จำลองแบบใดขึ้น หรือพวกวิลเลินจะบุกมาจากทางไหน ส่วนทีมวิลเลินจะมีตัวอย่างเหตุการณ์ให้เลือกสามสี่แบบ หลังจากเลือกแล้วจะให้เวลาวางแผนการก่อการร้ายประมาณยี่สิบนาที แล้วค่อยเริ่มกิจกรรม

ทั้ง ๆที่มันน่าจะเป็นเหตุการณ์ซัดกันเองของห้อง A เหมือนอย่างที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 1 แต่คราวนี้ สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ 

คัตสึกิโดนรุมโดยโทโดโรกิ และโทโคยามิ จากนั้นจบด้วยการตกจากที่สูงจนขาหักไปข้างหนึ่ง แต่ที่อนาถที่สุดจนคัตสึกิอยากจะย้อนกลับไประเบิดลบความทรงจำทุกคนในวันนั้นคือ…

เขาโดนเจ้าเดกุที่โผล่มาจากทางไหนไม่รู้ตวัดขาฟาด ทำให้ตกลงมาจากตึกจำลองโดยเอาหน้ากระแทกพื้น 

ถ้าจะมานั่งคิดบัญชีจริง ๆ คนที่จะโดนหนี้แค้นของเขาทับหัวตาย 

ยังไงก็ไม่พ้นเจ้าเนิร์ดโง่เดกุหน้าเก่า ! 

สรุปว่า ตอนนี้คัตสึกิเลยมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบหัว แถมด้วยผ้าก๊อซแปะแผลตามหน้าจนดูน่าตลก 

จริง ๆแล้วเขาไม่ควรจะจนมุมขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่ใช่ว่า หนึ่งวันก่อนหน้านั้นเขาแอบออกไปฝึกการใช้อัตลักษณ์โดยไม่ใช้อุปกรณ์เสริมจากคอสตูมฮีโร่ซัพพอร์ต 

แน่นอนว่า ฮีโร่ส่วนใหญ่ออกปฏิบัติการต่าง ๆในชุดคอสตูมฮีโร่ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตจุดเด่น ลดจุดด้อยของฮีโร่แต่ละคนอยู่แล้ว แต่เหตุร้ายมันไม่ได้รอให้พวกเขาสวมชุดฮีโร่ก่อนแล้วค่อยเกิดเสียเมื่อไหร่ 

อาการฮึดซ้อมเกินเหตุของคัตสึกิในวันก่อนหน้าส่งผลให้วันถัดมาเขามาเรียนด้วยอาการปวดแขนทั้งสองข้าง เพราะแขนรับภาระหนักในการใช้อัตลักษณ์มากเกินไป เมื่อมาเจออีเว้นท์โดนรุมแบบที่ไม่เคยได้เจอบ่อย ๆในชั้นเรียน ทำให้คัตสึกิพลาดท่า 

จุดจบเลยกลายเป็นฝืนใช้แขนทั้งสองข้างในคาบเรียนมากเกินไปจนแขนปวดระบมแทบยกไม่ไหว แถมขาข้างหนึ่งก็ยังหักอย่างที่เห็น  

“ค…คัตจัง” อิซึกุที่อยู่ตรงกลางในกลุ่มเพื่อนที่เข้ามาเยี่ยมส่งเสียงเรียกคัตสึกิเสียงอ่อย ดวงตาสีเขียวคู่โตฉายแววเลิ่กลั่ก มองไปทางคนป่วยที ขยับไปมองลงพื้นที “ขอโทษนะ พอดีผมควบคุมพลังตัวเองยังไม่ค่อยได้ ก็เลย…”

“หุบปาก เจ้าเดกุ !” คัตสึกิตวาดสวนก่อนที่อิซึกุจะทันพูดจบประโยค “อย่ามาพูดว่า ฉันเจ็บเพราะแกยั้งพลังไม่ทันได้มั้ย หาา แค่ฟังก็หงุดหงิดแล้ว ! เป็นแค่เดกุแท้ ๆ เดี๋ยวนี้กล้าดูถูกฉันแล้วเรอะ !!”

“เปล่านะ” อิซึกุยกมือขึ้นยกปฏิเสธเป็นพัลวัน ร่างของคนตัวเล็กกว่ายิ่งดูลนลานหนักกว่าเก่า ทำเอาคิริชิมะอดสงสารจนเสนอตัวเข้ามาไกล่เกลี่ยไม่ได้ 

“เอาน่า ๆบาคุโก อย่าไปว่ามิโดริยะอย่างนั้น” 

“หนวกหู ! แกเองก็หุบปาก ! ส่วนหน่ึงก็ผิดที่แกสกัดเดกุได้ไม่ดีนั่นแหละ !” คัตสึกิตะคอกกลับเสียงหงุดหงิด 

ถ้าตอนนั้นคิริชิมะสกัดเจ้าเดกุได้นานกว่านี้ มันก็คงไม่ว่างวิ่งวาร์ปโผล่มาช่วยรุมเขาหรอก ! 

“อย่าส่งเสียงดังในห้องพยาบาลสิ” รีคัฟเวอรี่เกิร์ลโผล่หน้าเข้ามาเอ็ดเสียงดุ ทำให้ชาวห้อง A ขานรับ แล้วค่อย ๆลดเสียงลง “อันที่จริง ไม่ต้องมาเยี่ยมกันก็ได้นะ ในเมื่อวันนี้เขาจะย้ายไปพักที่ห้องตัวเองแล้ว” 

“เอ๋ !? ไม่ใช่ว่าเขายังอาการหนักอยู่เหรอคะ” อุราระกะ โอชาโกะร้องถามเสียงหลงอย่างตกใจ 

ในเมื่อวันก่อนเธอเห็นกลุ่มพวกผู้ชายเล่นกันเองรุนแรงขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่า แค่มาพักห้องพยาบาลแป๊ป ๆก็กลับไปพักที่ห้องของตัวเองได้แล้ว 

“ไม่หรอก พื้นฐานร่างกายของบาคุโกคุงถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วเลยไม่มีปัญหาน่ะนะ” รีคัฟเวอรี่เกิร์ลตอบ ก่อนจะยิ้มเหมือนคุณยายใจดี “สภาพคนแขนเดี้ยงขาหักที่มาด้วยห้องพยาบาลด้วยตัวเองได้เกือบ 100% น่ะ มีอยู่ไม่กี่คนหรอกรู้มั้ย ฮึ ๆๆ”

ได้ยินรีคัฟเวอรี่เกิร์ลพูดแบบนั้น คามินาริกับมิเนตะก็ได้แต่ย่นคออย่างสยอง เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์วันก่อนที่คัตสึกิยืนยันว่า จะแบกร่างไปห้องพยาบาลเอง ถึงแม้สุดท้ายอาจารย์ไอซาวะจะยอมให้ไปเอง แต่ก็มีเพื่อนอีกสองคนพยุงตามไป คัตสึกิจึงไปถึงห้องพยาบาลได้แบบไม่มีชิ้นส่วนไหนหักสลายไปเพิ่มอีก 

“ให้ตายสิ นายเป็นแมลงสาบรึไง ทำไมอึดนักนะ” 

“ไม่ใช่คน…นี่มันคนละเลเวลกันแล้ว…” 

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว ใครจะช่วยย้ายคนเจ็บก็อยู่ก่อนแล้วกัน” รีคัฟเวอรี่เกิร์ลสรุป พลางโบกมือคนกลุ่มใหญ่ออกไปจากห้อง สุดท้ายภายในห้องก็เหลือเพื่อนผู้ชายแค่ไม่กี่คน

“อยู่ทำเบ๊อะอะไรอีก เจ้าเดกุ” คัตสึกิที่เห็นอิซึกุยังยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ใกล้เตียงร้องทักอย่างไม่ชอบใจ 

นับวันยิ่งเห็นหน้ามันก็ยิ่งหงุดหงิด  

ตั้งแต่ขึ้นปีสองมา พัฒนาการด้านการต่อสู้ของเจ้าเดกุก็ยิ่งพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังจากวันฟอร์ออล หรือเป็นเพราะตัวเจ้าเดกุเอง ตอนนี้เจ้าเดกุคนขี้ขลาดที่เขาเคยปรามาสอยู่เสมอ ๆเลยเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้างแล้วอย่างน่าหมั่นไส้

แต่ถึงจะมั่นใจขึ้นมากแค่ไหน พอเจอเขาทีไรมันก็ทำหน้าเป็นหมาหงอเหมือนเดิม

เห็นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดโว้ยย !!!

อิซึกุยืนเขี่ยนิ้วตัวเองไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคัตสึกิ พลางยิ้มอย่างพยายามทำใจดีสู้เสือ “ผมช่วยนะ”

“หาาาา !? ไม่ต้อง ! เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้ พวกแกไม่ต้องมาช่วยทำอะไรทั้งนั้นแหละ เกะกะ !” คัตสึกิตอบตาขวาง พลางกวาดตาไปหาเพื่อนคนอื่น ๆที่ยืนอยู่ใกล้ ๆกันแล้วออกปากไล่ “ไสหัวไปหมด”  

“เฮ้อ นิสัยแบบนี้แหละ นายถึงไม่ป๊อป” คามินาริถอนหายใจพลางแบมือทั้งสองข้างออก แล้วย้ายมือทั้งสองข้างไปซ้อนด้านหลังศีรษะ พลางเดินออกไปจากห้องคนแรก “ไปก็ไป แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน” 

“บาคุโก ฉันเก็บกระเป๋านายเสร็จแล้ว ยังมีของอย่างอื่นอีกรึเปล่า” คิริชิมะที่ชินกับท่าทางของคัตสึกิมานานมากแล้วพูดขึ้น ในมือมีกระเป๋าเป้ที่ปิดซิปเรียบร้อยอยู่ บ่งบอกว่า เจ้าตัวคงช่วยเก็บของให้เรียบร้อยแล้วอย่างปากว่าจริง ๆ ร่างสูงของคนผมแดงหันไปหาอิซึกุที่ยืนเลิ่กลั่กอยู่อย่างคนไม่มีหน้าที่ “มิโดริยะ ฝากนายไปเข็นรถเข็นมาให้หน่อยแล้วกัน สภาพแบบนี้จะเดินเองก็คงจะล้มหน้าแหกไปอีก”

“ได้เลยคิริชิมะคุง” อิซึกุพยักหน้า แล้วเดินไปที่มุมห้องที่มีรถเข็นวางเตรียมไว้ให้อยู่หนึ่งคัน แล้วเข็นมาหาคัตสึกิที่ตอนนี้ยังโวยวายไล่คนอื่นออกไปอยู่บนเตียง 

ไป ๆมา ๆ คนที่ยังเหลือเพื่อช่วยคัตสึกิย้ายกลับห้องตัวเองก็เหลือแค่อิซึกุกับคิริชิมะเพียงสองคน 

“คัตจัง ขึ้นรถเข็นไหวมั้ย” อิซึกุถาม ทำท่าเหมือนจะเข้ามาช่วยประคอง แต่คัตสึกิกลับใช้มือข้างซ้ายที่หายดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วปัดออกดังเพี๊ยะ 

“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันทำเองได้” 

ความเจ็บวาบที่หลังมือกับคำปฏิเสธเสียงห้วน ทำให้อิซึกุยิ้มจืด แล้วลูบหลังมือบริเวณที่โดนตีจนขึ้นรอยแดงจาง ๆ 

ถึงจะชินกับคัตจังที่ก้าวร้าว ขี้โวยวายมาตั้งแต่เด็กแล้วก็เถอะ แต่โดนปฏิเสธซ้ำ ๆ แบบนี้ก็ทำเอาใจแป้วไปเหมือนกันแฮะ 

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคัตจังยอมให้เขาช่วยเหลือง่าย ๆ ถึงตอนนั้น เขาก็คงจับอีกฝ่ายมาเค้นคอด้วยวิธีรีดความลับที่เพิ่งเรียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแน่ ๆว่าเอาคัตจังตัวจริงไปไว้ที่ไหน

คิริชิมะที่สะพายเป้ของคัตสึกิไว้ด้านหลังถอยหายใจอย่างหน่ายใจ ก่อนจะรีบเข้ามาคว้าตัวคัตสึกิที่พยายามขยับย้ายมานั่งบนรถเข็นด้วยตัวเองอย่างลำบาก  

“ขึ้นเร็วบาคุโก”

“เฮ้ย เดี๋ยว !” คัตสึกิร้องอุทานเสียงหลง พอรู้ตัวอีกทีร่างสูงของว่าที่ฮีโร่มือระเบิดก็หล่นปุบนเก้าอี้รถเข็นแบบงง ๆไปแล้ว 

“เข็นไปเลยมิโดริยะ” คิริชิมะว่า อิซึกุเลยพยักหน้ารับแล้วเริ่มออกเข็นคัตสึกิที่นั่งทำหน้าบ่จอยบนเก้าอี้รถเข็นทันที

“แกนี่มันขยันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ” 

“ช่วยไม่ได้นี่นา มัวแต่เล่นตัวอยู่แบบนั้น อีกครึ่งวันพวกเราก็ยังติดแหง็กอยู่ที่ห้องพยาบาลแหง ๆ” 

“หาาา ! แกบอกว่า ใครเล่นตัววะ !”

เสียงทะเลาะกันของคัตสึกิกับคิริชิมะที่ดังไปตลอดทาง ทำให้อิซึกุที่ทำหน้าที่คนเข็นอยู่ขยับยิ้มบาง ทั้ง ๆที่มีสีหน้ากังวลใจ 

ดีใจอยู่หรอกที่คัตจังมีเพื่อนกับเขาบ้างแล้ว ในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก ไม่สิ กระสอบทรายตั้งแต่สมัยเด็กของคัตจัง เขาเองก็ดีใจที่คนแข็งกร้าวอย่างคัตจังมีเพื่อนที่มองข้ามความแข็งกร้าวนั้นแล้วเป็นเพื่อนกับเขาอย่างจริงใจ 

แต่ถ้ามองในฐานะมิโดริยะ อิซึกุที่ชื่นชมคัตจังมาตลอด เขากลับรู้สึก

…ไม่ค่อยชอบใจนิด ๆ

ทั้ง ๆที่ที่ผ่านมาความสนิทสนมในระดับนั้น มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้รับมันแท้ ๆ

พอมีคนมาแชร์ความสนิทสนมนั้นไปแบบนี้ มันก็อดเหงาขึ้นมาอีกนิดนึงไม่ได้ 

ที่น่าอิจฉาไปมากกว่านั้น คิริชิมะคุงน่ะ กล้าที่จะเข้าหาคัตจังอย่างเท่าเทียม ทั้ง ๆที่เขาเคยพยายามแล้วแต่กลับทำไม่ได้ 

ตัวตนของคัตจังในใจเขาตั้งแต่เด็ก…ตอนแรกก็เป็นเพื่อนกันปกติหรอก ก็เลยชื่นชมในฐานะที่เป็นลีดเดอร์ของกลุ่ม ไม่ว่าใครก็วิ่งตามคัตจังไปทำนั่นทำนี่อยู่เสมอ แต่ตั้งแต่ที่ทุกคนรู้ว่า เขาเกิดมาไร้อัตลักษณ์ ทุกคนก็ปฏิบัติต่อเขาเปลี่ยนไป คัตจังเองก็เหมือนกัน ไป ๆมา ๆคัตจังเลยเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นที่หนึ่งตลอด ได้รับชัยชนะตลอด ไม่มีวันแพ้ เป็นอีกตัวตนที่เหนือกว่าเจ้ากากเดกุอย่างเขาโดยสิ้นเชิง

ถึงจะชอบคัตจังมากก็จริง แต่พอคิดกับอีกฝ่ายในแง่นั้นแล้ว จะให้เขาเข้าหาคัตจังด้วยความรู้สึกของคนที่เท่าเทียมกันได้ยังไงเล่า 

เพราะแบบนั้น ถึงได้รู้สึกอิจฉาเล็ก ๆเวลาที่เห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน 

จริง ๆเขาเองก็อยากสนิทกับคัตจังแบบนั้นเหมือนกันนะ แบบที่ไม่ได้จบลงด้วยการถูกคัตจังอัดเสียน่วมน่ะ…อิซึกุคิด ขณะมองภาพของสองคู่หูห้องเอที่นับวัน ใคร ๆก็รู้ว่า สองคนนี้ตัวติดกันแค่ไหนมากขึ้นเรื่อย ๆ 

คัตจังไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกันคนกลุ่มใหญ่เพราะคิดว่า น่ารำคาญ ไป ๆมา ๆ ก็เลยมีแต่คิริชิมะคุงที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างคัตจังกับห้องเอเอาไว้ 

ทั้ง ๆที่หน้าที่นั้นน่าจะเป็นของเขาที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กแท้ ๆ 

ไม่อยากให้โดนแย่งไปเลยนะ…

ถ้ามีใครรู้เข้า อีกฝ่ายคงคิดว่า เขาเป็นคนโลภมาก อยากยึดคัตจังไว้เป็นของตัวเองคนเดียวแน่ ๆ 

ถ้าคัตจังรู้เข้า จะยิ่งเกลียดขี้หน้าเขาไปใหญ่รึเปล่านะ 

ถ้าคัตจังรู้เข้า ว่าเขา ‘ชอบ’ คัตจังมากจนอยากเอาไปเก็บไว้เองคนเดียวแบบนี้ คัตจังจะยิ่งถอยห่างไปจากเขาอีกรึเปล่านะ 

“….กุ”

“…เดกุ”

“เฮ้ยย !! ไอ้เดกุ !!” 

เสียงตะคอกที่แว่วเข้าหูขึ้นเรื่อย ๆทำให้อิซึกุกะพริบตา ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าใครกำลังเรียกเขาอยู่ 

“หะ หา คัตจัง ? ว้ากก !!!” ไม่ทันจะทำอะไรต่อ เท้าก็ไปเตะก้อนหินก้อนเบ้อเริ่มอย่างจังจนคนใจลอยเสียหลัก ถลาตัวไปข้างหน้า 

ก้อนหินบ้าอะไรมาอยู่บนทางเเดินกัน ! 

“เฮ้ย มิโดริยะ !!” เสียงอุทานจากคิริชิมะที่อยู่ข้าง ๆดังขึ้น แต่ไม่ทันที่หนุ่มผมแดงจะทันคว้าตัวคนตัวเล็กกว่าทัน ร่างเล็กของอิซึกุก็ถลาคว่ำไปกอดคอคัตสึกิจากด้านหลัง เข่าทั้งสองข้างทรุดกระแทกพื้นอย่างแรงจนได้ยินเสียงทึบ ๆ ดังปึก 

โชคดีที่คิริชิมะเอี้ยวตัวไปจับเก้าอี้รถเข็นทัน ทำให้อิซึกุที่เสียหลักไม่ได้ทำให้ตัวรถเข็นคว่ำไปด้วย 

ไม่อย่างนั้นจากคนเจ็บที่ใกล้จะหายดี น่าจะคงสถานะเป็นคนเจ็บยาวต่ออีกหลายวันแน่ ๆ

“ฟู่ว ขอบใจนะคิริชิมะคุง” อิซึกุที่อยู่ในสภาพดูไม่จืดผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันไปขอบคุณคิริชิมะที่เร็วพอจะจับเก้าอี้รถเข็นไว้ ก่อนจะเอียงหน้าไปมองคัตสึิกิที่ก้มหน้า สองมือแข็งแรงจากการฝึกฝนแรมปีรู้สึกได้ถึงร่างที่แข็งเกร็งจนแทบจะเรียกได้ว่า แข็งทื่อของคนในอ้อมกอด ทำให้เจ้าตัวไพล่พาลไปนึกว่า คัตสึกิคงตกใจจนตัวแข็งไปแล้ว

ในสถานการณ์ปกติไม่มีทางที่คัตสึกิจะตกใจด้วยเรื่องแบบนี้หรอก แต่คงเป็นเพราะอยู่ในสภาพที่ใช้แขนขาได้ไม่ครบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เจ้าตัวเลยอดตกใจไม่ได้ล่ะมั้ง  

“ขอโทษนะคัตจัง เจ็บรึเปล่า” อิซึกุพึมพำขอโทษเสียงอ่อย 

น้ำเสียงถามไถ่อย่างห่วงใยปนรู้สึกผิดที่ข้างหู ทำให้คัตสึกิเบนหน้าไปอีกทาง ใช้แขนซ้ายที่ยังดีอยู่เท้าคางกับที่วางแขนแล้วทำหน้ามู่ทู่ ปลายหูเห่อแดงขึ้นมาเล็กน้อยอย่างที่เจ้าของหูไม่ทันรู้ตัว 

“…เข็นให้มันดี ๆหน่อยสิ เจ้าโง่เดกุ” 

คำด่าห้วนสั้น แต่ฟังดูไม่มีพลังเหมือนอย่างเคย ทำให้อิซึกุเบิกตาโต ๆกว้างอย่างแปลกใจ

อยู่ ๆคัตจังก็ใจดีอย่างประหลาดแฮะ 

“มัวอ้าปากเหวอทำซากอะไรอยู่อีก รอแมลงวันมาไข่ให้เต็มท้องก่อนค่อยเดินหรือไงฮะ !?” 

แต่แค่แป๊ปเดียว สุดท้ายก็กลับมาเป็นคัตจังคนเดิมจนได้ 

“อื้ม” อิซึกุพยักหน้า แล้วเข็นคัตสึกิเข้าหอพักไปพร้อม ๆกับคิริชิมะที่ยืนรออยู่ พอเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นรวม คนที่ไม่ได้ไปเยี่ยมคัตสึกิวันนี้ก็พากันตกอกตกใจกันใหญ่ที่อยู่ ๆคนเจ็บหนักเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนนี้สามารถกลับมาพักที่ห้องตัวเองได้แล้ว 

“บาคุโก นายนี่มันไม่ใช่คนแแล้ว” อะชิโดะ มินะเดินวนรอบ ๆ ตัวคัตสึกิอย่างสนใจ ก่อนจะจิ้ม ๆ ลงบนเฝือกอ่อน “ฉันนึกว่าจะต้องอยู่ห้องพยาบาลอย่างน้อยก็อาทิตย์นึงซะอีก”

“มะ ไม่ได้นะ มินะจัง ไปจิ้มแบบนั้นเดี๋ยวบาคุโกคุงก็เจ็บหรอก” ฮางาคุเระ โทรุ เด็กสาวที่เพื่อนร่วมห้องไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงเพราะอัตลักษณ์ล่องหนตลอดเวลาของเธอพูดถึงด้วยน้ำเสียงกังวล 

“ว้าย ตายแล้ว เดกุคุง ไปทำอะไรมา ทำไมเข่าทั้งสองข้างเป็นแบบนั้นไปได้น่ะ !?” เสียงร้องอุทานอย่างตกใจจากอุราระกะ โอชาโกะ ทำให้เพื่อน ๆที่ส่งเสียงหยอกล้อคัตสึกิหยุดแล้วเบนสายตาไปที่พนักงานเข็บรถเข็นของคัตสึกิแทน 

บนหัวเข่าทั้งสองข้างของอิซึกุเป็นรอยถลอก มีคราบเลือดกรังอยู่เล็กน้อย บางส่วนก็ยังดูสดใหม่เหมือนเพิ่งเกิดเหตุอะไรบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้

อุราระกะพุ่งตัวเข้าไปหาอิซึกุทันทีพร้อมด้วยอีดะ เท็นยะ ก่อนที่ร่างเล็กของเด็กสาวคนเดียวในกลุ่มจะทรุดตัวลงข้าง ๆอิซึกุด้วยอาการพะวักพะวนกับแผลอย่างเห็นได้ชัด 

“ห…หวา ก…ใกล้เกินไปแล้ว” อิซึกุพึมพำ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อยเพราะความใกล้ชิด เขาทำท่าเหมือนจะขยับตัวออก แต่อุราระกะกลับคว้าหมับเข้าที่ขาของอิซึกุอย่างลืมตัว

“ไม่ได้นะ ! อย่าขยับหนีสิเดกุคุง ตายแล้ว หกล้มมาเหรอ ยังไม่ได้ทำแผลเลยนี่นา” อุราระกะอุทาน 

“พ…พอดีซุ่มซ่ามไปหน่อย เลยหกล้มที่หน้าทางเข้าหอพักน่ะ” อิซึกุพูดอย่างลนลาน 

หวา ขา…ขา…

ใกล้เกินไปแล้วว ! 

“มะ…ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกคุณอุราระกะ ส…ใส่ยาซักหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้ว”

“แย่แล้ว ต้องฆ่าเชื้อก่อน” อีดะยกมือแกว่งไปมาเป็นจังหวะอย่างร้อนรน “ดูเหมือนในหอพักทุกห้องจะมีกล่องปฐมพยาบาลมาให้อยู่ รอเดี๋ยวนะมิโดริยะคุง” 

“กล่องยาอยู่นี่แล้ว” โทโดโรกิ โชโตะปรากฎตัวขึ้นที่มุมห้อง ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลเหมือนรู้เหตุการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี 

“ไนซ์ไทม์มิ่งโทโดโรกิคุง !” อีดะยกนิ้วโป้งชมทันที ขยับตัวออกไปยืนวงนอกให้โทโดโรกิเดินเข้ามาใกล้ 

“เดกุคุง ขยับย้ายที่มาตรงนี้ดีว่า เธอยืนอยู่ตรงรถเข็นแบบนี้มันทำแผลไม่ถนัดเลย” อุราระกะเสนอ แล้วชี้ไปที่โซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่ แล้วประคองอิซึกุที่เริ่มรู้สึกเจ็บ ๆตึง ๆแผลขึ้นมาไปนั่งที่เก้าอี้ 

เผลอเพียงพริบตาเดียว ฝูงชนชาวห้องเอ​ที่รายล้อมอยู่รอบตัวจนคัตสึกิรำคาญในตอนแรกก็แห่ไปล้อมรอบกลุ่มที่มีอิซึกุเป็นศูนย์กลางแทน

“นั่งดี ๆมิโดริยะ” โทโดโรกิเอ็ด คนตัวสูงกว่าคุกเข่าลงข้างหนึ่ง 

“หวา โทโดโรกิคุง ผ…ผมทำเองได้นะ” อิซึกุยกมือปัดไปมาเป็นเชิงปฏิเสธอย่างเกรงใจ “ให้โทโดโรกิคุงมาทำแผลให้อย่างนี้นี่มัน…”

“ว้าย เหมือนท่าเจ้าชายเลย” ฮางาคุเระกับอาชิโดะที่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุดร้องวี้ดว้ายกันอย่างถูกใจ  

“เหมือนในละครเลย” 

“ยังงี้มิโดริยะจังก็เป็นนางเอกละครน่ะสิ อ๊บ” อะซุย ทสึยุถามขึ้นมากลางปล้องขณะเอานิ้วชี้แตะแก้ม 

“เห ช่วงนี้กำลังฮิตในหมู่สาว ๆเลยไม่ใช่เหรอ เทรนด์นิยายบีแอลน่ะ !!” อาชิโดะดีดนิ้วดังเปาะแล้วพูดถึงอย่างถูกใจ ก่อนจะชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างอิซึกุกับโทโดโรกิ “โทโดโรกิเท่ออกขนาดนี้ให้สามผ่านเลยค่า ! ส่วนมิโดริยะ…อืม ถึงจะมีกล้ามมากไปหน่อย ผมยุ่งไปนิด แต่ก็พอถูไถไปได้แหละนะ ยังไงพ้อยต์ก็อยู่ที่ดวงตากลมโตกับร่างเล็กน่ารักนี่แหละ ไม่เลว ๆ”

“เห็นด้วย !” เสื้อยืดลอยได้เปลี่ยนไปในลักษณะเหมือนคนชูแขนขึ้น 

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีสีสันให้เรื่องนี้ซักหน่อย ตัวร้ายไง ! เอาเป็นหนุ่มแบดบอยที่เข้ามาล่อลวงมิโดริยะให้เอาใจออกห่างจากแฟนหนุ่มสุดหล่อหน่อยดีมั้ย” อาชิโดะพูดอย่างกระตือรือร้น แล้วกวาดสายตาเหมือนจะแคสต์หนุ่มแบดบอยตัวร้ายขึ้นมาจริง ๆ 

“หวา ก็ดีใจอยู่หรอก แต่เรื่องแบบนี้ฉันขอผ่านละกัน” คามินาริสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นอาชิโดะกวาดสายตาผ่าน รีบยกมือขึ้นโบกมือบ๊ายบายทันที 

“ไม่ต้องห่วง มินะไม่ได้อยากได้เจ้าโง่หรอก” จิโระ เคียวกะที่นั่งม้วนสายเอียร์โฟนของตัวเองเล่นพูดขัดขึ้นอย่างเบื่อ ๆ ก่อนจะออกความเห็นบ้าง “หนุ่มแบดบอยตัวร้ายของห้องเอเราก็มีอยู่คนเดียวไม่ใช่รึไงกัน” 

“จะว่าไปก็จริงอยู่” อะซุยทำท่านึก ก่อนจะลดมือที่ทำท่าประจำตัวอยู่ลง “แต่ตอนนี้แบดบอยตัวร้ายเหมือนจะเล่นบทนี้ไม่ได้แล้วนะสิอ๊บ” 

“ไม่เป็นไร พลังชิปเปอร์จะสรรค์สร้างให้แบดบอยตัวร้ายของห้องเอหายดีเอง” อาชิโดะหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ แล้วหันไปหาคัตสึกิที่ยังทำหน้าบึ้งอยู่บนรถเข็น “ในเมื่อไม่มีใครเหมาะไปมากกว่านายแล้ว ! ฉันขอมอบมงตำแหน่งแบดบอยตัวร้ายที่จะมาล่อลวงสาวน้อยมิโดริยะให้นายก็แล้วกันนะ บาคุโก !”

“บ้าบอ ไปตายซะ” คัตสึกิว่า เบะปากอย่างไม่ชอบใจ มือข้างซ้ายที่ยังดีอยู่เริ่มขยับเหมือนจะหมุนรถเข็นหนี แต่เพราะมีมือแค่ข้างเดียว การหมุนรถเข็นหนีเลยเป็นเรื่องที่ทำได้ลำบาก ทำให้เจ้าตัวพ่นลมออกมาแรง ๆ แล้วออกปากสั่งเสียงห้วนอย่างเคยตัว

“คิริชิมะ ! ฉันจะกลับห้อง !” 

“หา สั่งซะอย่างกับเห็นฉันเป็นเบ๊ยังงั้นแหละ พ่อแบดบอย” คิริชิมะบ่นหงุงหงิงแบบไม่จริงจัง แต่ก็ยอมเข้าประจำตำแหน่งที่อิซึกุทิ้งไปแต่โดยดี “ลูกผู้ชายแมน ๆอย่างฉันเป็นได้แค่บทเบ๊ของตัวร้ายเรอะ เห่ยชะมัด ให้ตาย”

บ่นไปก็เข็นไป ไม่นานร่างของสองคู่หูประจำห้องเอก็หายไปจากห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง

“ดะ…เดี๋ยวก่อนทุกคน ไปกันใหญ่แล้ว” อิซึกุพยายามหยุดเพื่อน ๆ ที่เริ่มหัวเราะเฮาฮาแล้วเปลี่ยนหัวข้อไปเว่อร์วังกันมากขึ้นอย่างยากลำบาก พอเห็นว่าไม่น่าจะลากทุกคนกลับมาได้แล้ว อิซึกุก็ได้แต่ก้มลงมองคนที่ตั้งอกตั้งใจทำแผลให้อย่างจริงจังด้วยความรู้สึกผิด 

โดนเพื่อน ๆล้อเล่นก็รู้สึกประดักประเดิดจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังลากโทโดโรกิคุงเข้ามาในเรื่อล้อเล่นแบบนี้อีก 

“ขะ…ขอโทษนะ โทโดโรกิคุง ทุกคนกลายเป็นแบบนี้กันอีกแล้ว” อิซึกุพูดพลางเกาแก้มอย่างลำบากใจ

“ไม่เป็นไร” โทโดโรกิว่าแล้วละมือจากหัวเข่าทั้งสองข้างของอิซึกุ หันไปเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแทน “เสร็จแล้ว ช่วงนี้ระวังอย่างให้โดนน้ำหน่อยแล้วกัน”

“อะ อื้อ ขอบคุณมากนะ โทโดโรกิคุง”

“…แล้วก็ระวังอย่าไปหกล้มใส่ใครเข้าอีกล่ะ” 

“อื้อ” อิซึกุพยักหน้ารับรัว ๆก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงความแปลกประหลาดในข้อควรระวังอย่างที่สอง แต่ไม่ทันจะถามอะไร เจ้าของคำเตือนประหลาดก็เดินถือกล่องปฐมพยาบาลจากไปแล้ว อิซึกุเลยได้แต่ทำหน้าสงสัยอยู่กับอุราระกะที่นั่งมองการปฐมพยาบาลมาตลอดแบบงง ๆ

“…โทโดโรกิคุงคงเห็นตอนเดกุคุงล้มที่หน้าหอพักละมั้ง” 

 

 

ในห้องของอิซึกุ 

ให้ตายเถอะ…อิซึกุคิดแล้วยกมือปิดหน้าอย่างสิ้นหวัง 

ทำไมเขาต้องเป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนให้คัตจังอยู่เรื่อยเลยนะ 

คัตจังบาดเจ็บขนาดนั้นก็เพราะเขากะพลังอัตลักษณ์ได้ไม่ดีในระหว่างการต่อสู้ จะอาสาไปเป็นคนช่วยย้ายของกลับห้อง ก็ดันสะดุดล้มคว่ำใส่คัตจังอีก 

อิซึกุคิดอย่างวุ่นวายใจ พลางลดมือที่ปิดตาอยู่ลงเล็กน้อย เมื่อคิดถึงกลุ่มผมนุ่ม ๆของคัตสึกิที่เขาสัมผัสได้โดยบังเอิญตอนที่หกล้มใส่คัตสึกิ 

ทั้ง ๆที่ชี้ตั้งไม่เป็นทรงแบบนั้น แต่ผมคัตจังนุ่มจังเลยน้า 

ร่างกายของคัตจังก็อุ่นดีด้วย 

ปุ้ง ! 

คิดได้แค่เท่านี้ ในหัวก็จินตนาการความอบอุ่นจากร่างกายของคนเจ็บ สัมผัสโอบกอดจากด้านหลังที่เขาเผลอทำไปเพราะจะยึดอีกฝ่ายเป็นหลักจับ ใบหน้าด้านข้างแบบใกล้ชิดระดับ HD ของคัตจังที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นใบหน้าของคัตจังในมุมนี้มาก่อน 

คิดได้แค่นี้ ก็รู้สึกเหมือนไอร้อนเห่อลามไปทั่วหน้าแบบหยุดไม่ได้ 

“ว้าก ว้าก ว้าก !!!” อิซึกุขยับมือกลับไปปิดหน้าเหมือนแบบเก่าแล้วเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงไม่หยุด เสียงร้องว้าก ว้ากของเขาดังซะจนอาโอยาม่า ยูงะที่นั่งส่องกระจกชื่นชมตัวเองอยู่ในห้องข้าง ๆถึงกับสะดุ้งโหยง แทบจะทำกระจกถือบานโปรดหล่นแตก 

ไม่รู้จะเคาะผนังเตือนหนุ่มน้อยผมหยิกดีมั้ยว่า เสียงของเขามันทำให้ชาวบ้านตกใจน่ะ…

 

 

ตอนเย็น 

หน้าห้องพักของบาคุโก คัตสึกิ ชั้น 5 

อิซึกุกำลังยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องของคัตสึกิ ใจจริงอยากยกแซนด์วิชแฮมชีสกับแซนด์วิชทงคัตสึที่อุตส่าห์ไปซื้อมาเข้าไปให้คัตสึกิ แต่ก็ลังเลเพราะในใจก็ยังกลัว ๆ เจ้าของห้องคนขี้โมโหอยู่นิดหน่อย 

จะเคาะหรือไม่เคาะดีนะ 

แต่ถ้าช้ากว่านี้แซนด์วิชที่อุตส่าห์เอาไปอุ่นจนร้อนจะเย็นหมดแล้ว

คัตจังเองก็ยังไม่หายดี ไม่มีทางที่คนอย่างนั้นจะโทรเรียกคนอื่นมาพาไปกินข้าวแน่ ๆ 

อิซึกุคิดและเริ่มบ่นพึมพำงึมงำตามประสา ไม่ทันสังเกตเลยว่า เสียงงึมงำของเขาทำให้เจ้าของห้องข้างในที่รู้สึกตัวตั้งนานแล้วว่ามีคนมายืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องส่วนตัวของเขากว่าสิบนาทีอยู่ 

ปัง !  

“จะยืนท่องบทสวดอีกนานมั้ยวะ จะเข้าก็เข้ามา !” คัตสึกิเปิดประตูออกมาตะคอกใส่คนที่ทำมลภาวะทางเสียงใส่เขา ทำเอาอิซึกุที่ไม่ทันเตรียมใจได้ครบร้อยเปอร์เซ็นต์สะดุ้งโหยง

“หวะ หวา คะ…คะ…คะ…คัตจัง !” 

“เมื่อกี๊เป็นบทแช่งตัวเองให้ติดอ่างเรอะ เห็นหน้าฉันแล้วทำไมต้องตกใจจนปากสั่นขนาดนั้น” คัตสึกิจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด มือของคนตัวใหญ่กว่าคว้าหมับเข้าที่ข้อมืออิซึกุข้างที่ว่างอยู่ แล้วออกแรงกระชากจนคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแทบจะปลิวตามเข้าไปในห้อง ตามตัวเอียงตัวไปผลักประตูให้งับกลับเข้าไปอย่างเดิมเสียงดัง

ปัง ! 

“คัตจังใจเย็น ๆ !” อิซึกุร้องอุทาน แล้วเสียงอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นรัว ๆอีกรอบ เมื่อคนเจ็บที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าเพิ่งสำเหนียกตัวเองได้ว่าตอนนี้อยู่ในสภาพไหน 

ร่างสูงกว่าถึงได้เอนไปเอนมา แล้วคว้าคอของคนที่อยู่ที่ใกล้เป็นหลัก 

กลายเป็นว่าคัตสึกิเป็นฝ่ายใช้แขนซ้ายกอดคออิซึกุที่ส่งเสียงลนลานแทนจะทำแซนด์วิชหล่นไปซะอย่างนั้น

“หวะ หวา คัตจัง ก…ใกล้ ใกล้ ใกล้ไปแล้วว !” อิซึกุหลับตาปี๋แล้วยกจานแซนด์วิชขึ้นสูงเพราะกลัวทำหล่น ตัวสั่นนิด ๆเพราะตกใจจากความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองของวัน 

บ้าจริง ดวงที่สั่งสมมาทั้งชีวิตของเขามาบังเอิญใช้หมดพร้อมกันในวันนี้หรือไงนะ ทำไมถึงเจอเรื่องลัคกี้ทำนองนี้ถึงสองครั้งในวันเดียวได้เล่า !

ห….หัวใจเต้นรัวจนจะหยุดเต้นไปแล้ว 

คนเราจะตายเพราะความตื่นเต้นได้รึเปล่านะ 

เขาจะเป็นว่าที่ฮีโร่คนแรกที่ตายเพราะความตื่นเต้นรึเปล่านะ น่าอายจริง ๆ 

“หา ? มากงใกล้อะไร สมัยก่อนตอนฉันอัดแกยับตอนนั้นก็ใกล้เหมือนกันเหอะ มาทำเป็นไม่เคย” คัตสึกิบ่นเสียงห้วน 

เขานั่งเล่นในห้องตัวเองอยู่ดี ๆอยู่ ๆก็ดันมีเสียงงึมงำบ้าบอดังขึ้นไม่หยุด 

ถ้าไม่อยู่กับเจ้าเดกุมานานจนรู้ว่ามันมีนิสัยเสีย ๆแบบนี้ เขาคงหาอะไรปาพรวดออกไปแทนที่จะลุกออกไปสวดมันถึงหน้าห้อง 

“เพราะแกน่ะแหละ” เสียงทุ้มห้าวของคนเสียหลักพูดขึ้นใกล้ ๆใบหน้าที่กำลังหลับตาปี๋ “ไม่มีอะไรทำรึไง มาส่งเสียงน่าหนวกหูที่หน้าห้องของฉัน เล่นเอารำคาญจนต้องโผล่ไปด่า”

“ข…ขอโทษ” อิซึกุพึมพำ ค่อย ๆลืมตาเงยหน้าขึ้นมองคัตสึกิที่แม้จะมีท่าทีไม่สบอารมณ์ แต่อย่างน้อย เขาก็น่าจะปลอดภัยจากการโดนเจ้าของห้องไล่อัดยับในตอนนี้

ตาสีเขียวใสแจ๋วที่ฉายแววหวั่น ๆเหมือนสัตว์เล็กที่กำลังหวาดกลัวทำให้คัตสึกิพ่นลมออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ชอบทำท่ากลัวเขาอยู่เรื่อย 

“แกมาทำไม” คัตสึกิถามเสียงห้วน พลางเงยหน้าไปมองทางอื่น คำถามจากเจ้าของห้อง ทำให้อิซึกุนึกได้ทันที เลยรีบชูจานแซนด์วิชในมือขึ้นระดับสายตา 

“แซนด์วิช ! พ…พอดีเห็นว่าเย็นแล้ว คัตจังน่าจะไปโรงอาหารลำบาก เลยไปเอาแซนด์วิชมาให้” อิซึกุพูดรวดเดียวรัว ๆ แต่พอเห็นว่าสายตาของคัตสึกิย้ายกลับมาจ้องเป๋งที่ตัวเองแล้วก็พูดช้าลง พลางก้มหน้างุด “มะ…ไม่แน่ใจว่าคัตจังจะยังชอบแซนด์วิชแฮมชีสกับทงคัตสึอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า แต่ก็หยิบมาแล้วแหละ แหะ แหะ”

“วางตรงนั้น” คัตสึกิใช้มือข้างที่กอดคออิซึกุอยู่ชี้ไปที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวหนึ่งในห้อง อิซึกุพยักหน้าแล้วค่อย ๆพยุงคัตสึกิไปนั่งที่โต๊ะ ตาจ้องโต๊ะเป้าหมายสุดชีวิต พยายามที่จะไม่จ้องคนข้าง ๆในชุดเสื้อกล้ามตัวบางกับกางเกงผ้าขายาวเลยแม้แต่น้อย 

พอเริ่มโต ๆมา เขากับคัตจังก็ห่างกันขึ้นเยอะมาก ไป ๆมา ๆชุดที่เห็นคัตจังใส่บ่อย ๆ ก็มีแต่ชุดกักคุรันตอนมอต้น พอย้ายมาที่ยูเอ ก็กลายเป็นชุดนักเรียน ชุดพละแล้วก็คอสตูมฮีโร่ ถึงแม้ตอนนี้ทุกคนจะอยู่ในหอพักที่เจอกันในชุดสบาย ๆบ่อยขึ้น แต่คัตจังก็ดันเป็นพวกไม่ชอบเข้ากลุ่มกับใคร 

เพราะแบบนั้น คัตจังในชุดอยู่บ้านสบาย ๆเลยเป็นอะไรที่ค่อนข้าง….ตื่นตาตื่นใจสำหรับอิซึกุพอสมควร

ก็ไม่ได้เห็นมานานแล้วนี่นา  

อิซึกุค่อย ๆประคองร่างสูงกว่าให้นั่งบนเก้าอี้พอคัตสึกินั่งได้มั่นคงดีแล้วก็ค่อย ๆถอยออกมายืนมองห่าง ๆ แบบลุ้น ๆ 

คัตจังจะชอบแซนด์วิชที่เขาเอามาให้มั้ยนะ ?

อันที่จริง เขาเลือกแซนด์วิชสองไส้นี้มาเพราะจำได้ว่าเป็นแซนด์วิชที่คัตสึกิสมัยประถมชอบกินมาก มากซะจนบางทีก็แอบมาแย่งส่วนของเขาไปกินบ่อย ๆ 

‘โฮ่ย เดกุ ! ส่งอันนั้นมา แกเอาอันนี้ไป !’

….สุดท้าย แซนด์วิชที่เขาได้กินก็มีแต่แซนวิชประเภทปลารมควัน ไม่ก็แซนด์วิชแตงกวาไปซะอย่างนั้น

ถึงแม้สมัยประถมจะเป็นช่วงที่คัตสึกิเริ่มกลั่นแกล้งเขาจริงจังมากขึ้น แต่ตอนแย่งแซนด์วิชไป คัตสึกิก็ยังอุตส่าห์ใจดีเอาอันอื่นมาให้แทนละน้า 

ความทรงจำในสมัยประถมทำให้อิซึกุเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ในห้องที่ไร้ซึ่งบทสนาใด ๆ เสียงหลุดหัวเราะคิกของคนที่ยืนอยู่ ทำให้คนเจ็บทำหน้ามู่ทู่ไปใหญ่เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายหัวเราะขำที่เขากินด้วยท่าทางลำบาก

“ขำอะไร เดกุ !” คัตสึกิถามเสียงห้วน “ที่เอาของพรรค์นี้มาให้เพราะจงใจอยากเห็นตอนฉันลำบากงั้นเรอะ”

“ปละ…เปล่านะ ๆ” อิซึกุรีบปฏิเสธทันที “ก็เมนูอาหารเย็นวันนี้มีแต่ของทานยากทั้งนั้นเลยนี่นา คัตจังยังเจ็บมืออยู่ ผมเลยเลือกแซนด์วิชที่น่าจะกินง่ายที่สุดมาต่างหากล่ะ”

ได้ยินเหตุผลที่เจ้าตัวคิดมาล่วงหน้าแล้วด้วยความใส่ใจ คัตสึกิก็ได้แต่ทำเสียงหึในลำคออย่างหงุดหงิด ถึงแม้แซนดฺวิชจะเป็นอาหารที่ทานได้ง่ายก็จริง แต่สำหรับคัตสึกิที่แขนยังปวดระบมอยู่หน่อย ๆ โดยเฉพาะมือข้างที่ถนัด การยกแขนขึ้น ๆลง ๆแต่ละครั้งก็ทำให้คนขี้หงุดหงิดเริ่มนิ่วหน้า

อิซึกุที่เห็นสีหน้าแบบนั้นก็พูดขึ้นด้วยนำ้เสียงกล้า ๆกลัว ๆ 

“ให้ผมช่วยมั้ย”  

“ไม่ต้อง”

ก็นั่นสินะ….

อิซึกุยิ้มจืด ไม่แปลกใจสักนิดกับคำปฏิเสธที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ 

เขารู้อยู่แล้วล่ะว่าคัตจังกลียดความอ่อนแอ เกลียดการที่ต้องให้คนอื่นมาช่วยเหลือ ยิ่งคนอื่นที่ว่าเป็นเขา…มิโดริยะ อิซึกุด้วยแล้ว ความเกลียดที่ว่าน่าจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติหลายเท่า 

เอาจริงๆแค่มาส่งแซนด์วิชแล้วคัตจังไม่ตะเพิดเขาออกไปพร้อมแซนด์วิช เขาก็รู้สึกว่า วันนี้คัตจังใจดีเป็นบ้าแล้ว

“….”

แต่จะหน้าด้านอยู่ทั้ง ๆที่ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นเลยซักอย่างเนี่ย มันก็เกินไปหน่อยมั้ยยย…อิซึกุถามตัวเอง รู้สึกเหมือนอยากจะกลายร่างเป็นคิริชิมะ เอย์จิโร่เป็นครั้งแรกในชีวิต 

ถ้าเป็นคิริชิมะคุงละก็ ต้องมีเรื่องคุยกับคัตจังมากกว่านี้แน่ ๆเลย 

“…ไม่กินรึไง” คำถามห้วนสั้นที่ดังขึ้นในบรรยากาศเงียบสงบ ทำให้อิซึกุทำตาโตอย่างแปลกใจ

ไม่คิดว่าจะมีวันที่คัตจังเริ่มคุยกับเขาก่อนดี ๆ ไม่ได้มีเรื่องแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ 

อา…ดวงดี ๆของปีนี้ต้องใช้หมดไปในวันนี้แน่ ๆเลย 

อิซึกุคิดอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะรีบตอบเพราะเริ่มเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ขึ้นมาของคนขี้หงุดหงิดแล้ว 

“พ…พอดียกมาให้แค่ส่วนของคัตจังน่ะ รีบไปหน่อยก็เลยลืมของตัวเองไปเลย” อิซึกุยกมือขึ้นเกาหัวแบบเขิน ๆ ก่อนจะหัวเราะแหะ ๆ 

“ไปเอาเก้าอี้ตรงโน้นมา แล้วมานั่งกินซะ” คัตสึกิสั่งเสียงห้วน พลางชี้ไปที่เก้าอี้ที่มีชุดเครื่องแบบยูเอพาดไว้อยู่ 

“เอ๋ นี่มันแซนด์วิชส่วนของคน ๆเดียว แบ่งกันแบบนี้เดี๋ยวก็กินไม่อิ่มหรอก” อิซึกุปฏิเสธ แต่ก็เดินไปคว้าเก้าอี้ตัวที่ว่ามานั่ง 

ให้ยืนเลิ่กลั่กอยู่กลางห้องแบบนั้นน่ะมันตลกจะตาย 

“หา !?” คัตสึกิว่าเสียงห้วน “เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งฉันแล้วเรอะ !? สั่งให้กินก็กิน อย่าพูดมากได้มั้ย !” 

“ก…ก็ได้” อิซึกุพยักหน้า แล้วเอื้อมมือมาหยิบแซนด์วิชไปหนึ่งชิ้น “ขอรับไปแค่ชิ้นเดียวพอละกันนะ จริง ๆแล้วผมไม่ค่อยหิวน่ะ”

“เรื่องของแก” คัตสึกิตอบสั้น ๆ แล้วหันกลับไปนั่งกัดแซนด์วิชกร้วม ๆเหมือนเดิม 

อันที่จริง แซนด์วิชนี่ก็อร่อยใช่ได้สมกับที่มาจากโรงอาหารของโรงเรียน 

แต่จะให้ยอมรับว่าเดกุมันเลือกมาได้ไม่เลว แถมยังจำไส้แซนด์วิชที่เขาชอบได้อยู่ก็รู้สึกขัดใจ…คัตสึกิคิด พลางกัดแซนด์วิชกร้วม ๆแก้หงุดหงิด สวนทางกับอิซึกุที่ค่อย ๆกัดทีละคำอย่างไม่รีบร้อน แต่เพราะจำนวนมีน้อยกว่า ใช้เวลาแค่แป๊ปเดียว อิซึกุก็กินแซนด์วิชเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่คัตสึกิยังเหลือแซนด์วิชในจานอีกประมาณสองชิ้นเล็ก ๆ

อิซึกุที่กินเสร็จก่อนได้แต่หันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี จะหันไปชวนเจ้าของห้องคุยก็เห็นท่าทางกำลังหงุดหงิดจนไม่กล้าชวนคุยอะไรก่อน จะไปนอนเกลือกกลิ้งเล่น หรือหยิบเอาเกมออกมาเล่นเหมือนตอนที่ไปเล่นที่ห้องเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆเขาก็ไม่กล้าพอ

นั่งหันซ้ายหันขวาอยู่สักพัก อิซึกุก็ไปเจออะไรบางอย่างที่ดูคุ้นตา

เอ๊ะ นั่นมัน….! 

“ว้าว นี่มันหนังสือโฟโต้บุ๊กแบบลิมิเต็ดของออลไมท์ที่ออกมาเมื่อประมาณหกปีก่อนนี่นา !” ด้วยความลืมตัว ติ่งออลไมท์แบบถวายหัวอย่างอิซึกุก็รีบพุ่งตัวไปที่ชั้นหนังสือที่มีหนังสือเล่มใหญ่ สันปกสีทองตัดน้ำเงินสว่างอร่ามแสบตาโดดเด่นเด้งออกมาจากบรรดาทั้งหมดในชั้นวางทันที แต่ด้วยความเกรงใจเจ้าของห้องที่ยังเหลืออยู่บ้าง เด็กหนุ่มเลยได้แต่ยืนกำมือเขย่าไปมาอย่างตื่นเต้นหน้าชั้นวางหนังสือ  

“ยอดเลย ทำไมเล่มนี้ผมถึงยังไม่มีกันนะ” อิซึกุพึมพำกับตัวเองอย่างแปลกใจ 

ตัวเขาเองก็ว่าตัวเองเป็นสุดยอดติ่งของออลไมท์แล้วนะ ของสะสมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฟิกเกอร์ มังงะ กู้ดส์ฮีโร่ต่าง ๆที่ขยันออกมาทุกปี ๆเขาพยายามเก็บเงินซื้อเองทั้งหมด ถึงแม้จะลำบากไปสำหรับอิซึกุในวัยเด็กนิดหน่อย แต่อย่างน้อย เขาก็ภูมิใจมากที่ตัวเองเก็บกู้ดส์ออฟฟิศเชียลชิ้นใหญ่ ๆที่สมาคมติ่งออลไท์พร้อมใจกันยกขึ้นหิ้ง ‘ของมันต้องมี’ ครบเกือบทุกชิ้นเท่าที่ความสามารถของเขาในวัยนั้นจะทำได้ 

แต่เล่มนี้…พอนึกขึ้นได้ อิซึกุก็เปลี่ยนสีหน้าทันที 

จำได้ว่า วันนั้นเขาในสมัยประถมถูกพวกคัตจังแกล้งจนไม่สบายหนัก ทำให้ออกไปซื้อโฟโต้บุ๊กออลไมท์ที่เปิดขายเพียงวันนั้นวันเดียวไมไ่ด้ พอรีบร้อนไปที่ร้านอีกที โฟโต้บุ๊กที่ทำออกมาจำนวนจำกัดก็ขายหมดเกลี้ยงเสียแล้ว 

จำได้ว่า เขาร้องไห้เสียใจอยู่นานทีเดียว 

“เดกุ เอามานี่” คัตสึกิว่า พลางกระดิกนิ้วทำท่าให้เดินเข้าไปหา อิซึกุเลยค่อย ๆหยิบหนังสือออกมาจากชั้นวางอย่างระมัดระวัง แล้วเดินถือกลับไปให้เจ้าของห้อง 

“หันหลังไปทางโน้น” คัตสึกิสั่ง คำสั่งประหลาดที่ดูผิดเวลาทำให้อิซึกุทำหน้าเอ๋อใส่ 

“หา ?”

“บอกให้หันไปทางโน้นไงวะ ถ้าแกหันกลับมาก่อนที่ฉันจะสั่งให้หัน ไม่ให้อ่าน” คำสั่งเสียงห้วนที่ทำให้อิซึกุรีบลลานหันหน้าไปอีกทางอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะอยากรู้ว่า ทำไมคัตสึกิต้องออกคำสั่งประหลาดแบบนั้น แต่ความอยากอ่านโฟโต้บุ๊กเล่มพิเศษมีมากกว่า ทำให้อิซึกุหันหน้าไปอีกทางอย่างเชื่อฟัง 

เหอะ พอเป็นเรื่องออลไมท์ปุ๊ป สั่งให้ทำอะไรก็ยอมทำซะหมด…คัตสึกิค่อนขอดในใจ มือก็รีบจัดการฉีกสิ่งที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นออกไปทันที 

แคว่ก ! 

เสียงกระดาษฉีกขาดดังขึ้นเบา ๆในความเงียบ ทำให้อิซึกุใจหล่นวูบนิดหน่อย เมื่อคิดได้ว่า คัตสึกิอาจจะฉีกหน้าบางหน้าในหนังสือเล่มพิเศษทิ้ง

“คะ…คัตจัง ?” 

“หันมาได้แล้ว” แทนคำตอบ คัตสึกิกลับออกำสั่งให้อีกฝ่ายหันกลับมาตามปกติแทน พอหันกลับมา หนังสือโฟโต้บุ๊กเล่มพิเศษสีสันแสบตาก็ลอยอยู่ตรงหน้า 

“ห้ามเอาออกจากห้อง” คัตสึกิสั่งห้วน ๆ แล้วหันไปสนใจหนังสือเรียนที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะแทน 

“ขอบคุณนะ คัตจัง” อิซึกุยิ้มกว้างแล้วรีบรับหนังสือมาทันที ก่อนจะรีบจัดแจงหาที่นั่งให้ตัวเอง 

บนเตียงของคัตจังอาจจะดูมากเกินไปหน่อย แต่ถ้าข้าง ๆเตียงละก็…คงไม่เป็นไรมั้ง 

อิซึกุคิด ขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงของคัตสึกิ แล้วเริ่มเปิดหนังสือเล่มใหญ่อย่างตื่นเต้น

“ว้าวว” น้ำเสียงตื่นเต้นจากคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงทำให้คัตสึกิเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง ก่อนจะแค่นเสียงในลำคอนิด ๆเมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า 

เหอะ ทีเรื่องแบบนี้ละยิ้มกว้างขึ้นมาเชียว

ตอนอื่น ๆอยู่ต่อหน้าเขาทีไรก็เอาแต่ทำหน้าแหยง ๆ ไม่ก็สีหน้าจริงจังตลอดทั้งนั้น 

ต่างคนต่างก็ใช้เวลาอยู่ในมุมของตัวเองชนิดที่ถ้าเพื่อนชาวห้องเอคนอื่นมาเห็น น่าจะอยากขอถ่ายรูปไปเป็นที่ระลึกที่สองคนที่ดูจะมีปัญหากันที่สุดในห้องดันมานั่งใช้เวลาเงียบ ๆในห้องห้องเดียวกันได้ 

พอเปิดไปได้สักพัก อิซึกุก็อดที่จะหยุดมือที่กำลังพลิกไปหน้าถัดไป แล้วเงยหน้ามองแผ่นหลังของคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือเรียนไม่ได้ ภาพคัตสึกิที่กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือเรียนอย่างขะมักเขม้นนั้นดูแปลกตา แต่ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่ 

ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกของคัตจังจะทั้งขี้หงุดหงิด เสียงดัง น่ากลัวและไม่ค่อยสนใจคนอื่น พูดง่าย ๆคือ ภาพลักษณ์ไม่ให้ว่าจะเป็นคนขยัน ตั้งใจเรียนแบบเอาจริงเอาจังเลยสักนิด แต่เขารู้…รู้ว่าที่ผ่านมา คัตจังคือคนที่พยายามมากกว่าใคร ๆ 

ถึงแม้จะมีพรสวรรค์และอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่เพราะคัตจังพยายามปีนป่ายขึ้นไปให้สูงขึ้นเสมอ เขาถึงได้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆเก่งขึ้นเรื่อย ๆ

…จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะอันแข็งแกร่งในใจอิซึกุมาตลอด

คัตสึกิที่อยู่ในช่วงพักสายตา ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งบีบที่หัวคิ้วเบา ๆ

เพราะแขนที่ยังไม่หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ทำให้การอ่านทบทวนบทเรียนในวันนี้เป็นไปได้แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สำหรับคัตสึกิแล้ว…วันนี้ก็ถือว่าไม่เลวเท่าไหร่ 

แต่จะว่าไป หมอนั่นยังอ่านไม่จบอีกเรอะ เป็นแค่โฟโต้บุ๊กแท้ ๆ ทำไมดันใช้เวลาดูมากกว่าหนังสือเรียนอีก ? คัตสึกิคิดในใจ พร้อมกับหมุนเก้าอี้หันไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง 

“เฮ้ย ! เล่มนั้นห้ามเปิด !” 

บ้าเอ๊ย เพราะไม่เคยคิดว่าวันนึงเจ้าโง่เดกุจะมานั่งเล่นในห้องเขาได้ ส่วนเพื่อนที่มีความกล้าพอจะแวะเวียนมาห้องเขาบ่อย ๆก็ไม่มีความสนใจในชั้นวางหนังสือของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาถึงไม่เคยเอาไปเก็บให้ดี 

ปัง ! 

ด้วยความลืมตัวคัตสึกิรีบยกแขนไปข้างหลังแล้วปล่อยอัตลักษณ์ระเบิดทันที และความที่ไม่ค่อยใช้อัตลักษณ์กับแขนข้างเดียวในการเคลื่อนไหวมาก่อน เมื่อรวมกับสภาพทุลักทุเลในปัจจุบัน ทำให้คัตสึกิกะระยะห่างพลาด จากที่กะว่าจะพุ่งไปคว้าหนังสือเล่มนั้น กลับกลายเป็นพุ่งเฉียงลงไปชนร่างของคนตัวเล็กกว่าที่นั่งถือหนังสืออยู่กับพื้น ชนคว่ำทั้งคนทั้งหนังสือจนของข้างในกระจายไปหมด 

“โอย…” อิซึกุพึมพำ รู้สึกเหมือนจังหวะที่โดนชนหัวเอนไปข้างหลังชนเตียงเต็ม ๆ โชคดีที่หัวเขาไปชนฟูก เลยแค่มึนนิดหน่อย ไม่ถึงกับเจ็บอะไร แต่อีกฝ่ายที่พุ่งมาชนเนี่ยสิ 

สภาพปัจจุบันก็เดี้ยงอยู่แล้ว ตอนนี้เลยแทบขยับตัวไม่ไหว แต่ที่สำคัญ…

“คะ คัตจัง” อิซึกุเรียกชื่อเพื่อนสมัยเด็กเสียงเบาหวิวเมื่อนิ่วหน้าลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นอีกฝ่ายอยู่ในระยะใกล้จนน่าตกใจ 

ต้องเป็นเพราะการกะระยะห่างเมื่อกี๊พลาดแน่ ๆ ทำให้คัตจังแทบจะเกยมาอยู่บนตัวเขาแบบนี้

แขนที่เจ็บอยู่ทำให้เจ้าตัวมีปัญหาในการออกแรง ตอนนี้คัตสึกิเลยมีปัญญาแค่ยกแขนกั้นกักตัวอิซึกุเอาไว้ข้างเดียวแบบนี้ 

โอย ตายแล้ว หัวใจ…อิซึกุรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้หน้าเขาต้องแดงอยู่มากแน่ ๆ หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะอย่างบ้าคลั่ง แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปไกลกว่านั้น อิซึกุก็พยายามบังคับให้ตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันก่อน 

“จริงด้วย ขา….ขาไม่เป็นไรใช่มั้ยคัตจัง” อิซึกุถามแล้วรีบกวาดสายตามองขาข้างที่เจ็บอยู่ของคัตสึกิทันที โชคดีที่ตอนล้มคัตสึกิคงพลิกตัวหรือทำอะไรสักอย่างทัน ทำให้ขาข้างที่เข้าเฝือกอ่อนอยู่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใบหน้าของคนเพิ่งล้มมาหมาด ๆก็แสดงสีหน้าเหยเกจากความเจ็บปวดอยู่ดี 

“ไม่” คัตสึกิกัดฟันตอบ พยายามขยับตัวออกห่างจากอิซึกุ นัยน์ตาสีเขียวสดใสของอิซึกุก็พยายามเสมองไปทางอื่น ไม่อยากเห็นภาพความใกล้ชิดชวนหัวใจวายที่อาจจะทำให้เขาตายก่อนวัยอันควรบ่อย ๆ พอมองไปทางอื่นก็เห็นของที่กระจัดกระจายจากการชนกับคว่ำเมื่อครู่

“หวา ของข้างในกระจายออกมาหมดเลย เดี๋ยวผมช่วยเก็บให้ละกันนะ” อิซึกุพูด ทำท่าเหมือนจะขยับตัวไปเก็บรูปใบหนึ่งที่คว่ำอยู่บนพื้นใกล้ตัวที่สุด แต่ไม่ทันที่จะพลิกรูปกลับมาดูว่าเป็นรูปอะไร เสียงร้องห้ามอย่างดุดันก็ดังมาจากคนที่เพิ่งขยับตัวออกห่างเมื่อครู่ก่อน 

“อย่าแตะ !” 

เสียงตวาดน่ากลัว ทำให้ร่างกายที่มีปฏิกิริยากับเสียงนี้อยู่แล้วสะดุ้งโหยงแล้วแล้วเผลอปล่อยมือทันที กลายเป็นว่า รูปที่เพิ่งเก็บขึ้นมาค่อย ๆร่วงลงกับพื้นอีกครั้ง 

อารามตกใจ อิซึกุรีบคว้ามือคว้าไม้กลางอากาศเพื่อจับรูปใบนั้นไว้ สลับมือวนไปวนมาในอากาศอยู่สองสามครั้ง ในที่สุด เขาก็จับรูปใบนั้นได้ 

ถึงแม้จะอยู่ในสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เถอะ…อิซึกุมองรูปที่ยับยู่ยี่ในมือแล้วยิ้มแหย ในใจรู้เลยว่า ของที่ยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อไม่ให้เขาเห็นน่าจะเป็นของสำคัญ แล้วเขาก็ดันทำหนึ่งในรูปใบสำคัญนั้นยับซะแล้ว 

“ขะ…ขอโทษนะคัตจัง เมื่อกี๊มัน…ตกใจไปหน่อย” อิซึกุเอ่ยขอโทษเสียงเบา เตรียมทำคอย่นเพื่อรับเสียงดุด่าที่ได้ยินจนเคยชิน “ทำรูปยับซะแล้ว”

มือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นจากการฝึกซ้อมค่อย ๆคลี่รูปยับ ๆในมือออกมาเหมือนมันจะช่วยลดโทษของตัวเองได้ แต่อิซึกุไม่รู้เลยว่า ทันทีที่มือของเขาขยับคลี่รูปออก คัตสึกิก็รู้สึกเหมือนอยากจะหายไปจากโลกขึ้นมาทันทีทันใด 

ให้ตายเหอะ ! บอกแล้วว่าอยากแตะแท้ๆ เชียว 

รูปยับยู่ยี่ถูกคลี่ออกจนกว้าง เผยให้เห็นภาพคุ้นตาที่อิซึกุรู้สึกคุ้น ๆว่าจะมีอยู่ที่บ้านเขาเหมือนกัน 

“เอ๊ะ รูปนี่มัน…พวกเรานี่ ?” 

ในมือเขาคือรูปของมิโดริยะ อิซึกุ และบาคุโก คัตสึกิ ในวัยเด็ก ถ้าจำไม่ผิด รูปนี้ถ่ายตอนที่ทั้งสองครอบครัวไปเดินเขาด้วยกันจังหวัดใกล้ ๆ พวกแม่ ๆที่ยังเห่อพวกเขาตอนยังเด็กมากอยากจะถ่ายรูปคู่ของพวกเขาด้วยกัน แต่คัตจังที่หัวแข็งมาตั้งแต่เด็กไม่ยอม หลังจากบังคับจนได้รูปคู่ประหลาด ๆมาหลายรูป สุดท้ายก็ได้รูปที่พอจะเรียกได้ว่า ดูดี ขึ้นมาหนึ่งรูป 

และหนึ่งในรูปที่พอจะดูดีในตอนนั้น คือรูปที่อยู่ในมือเขาตอนนี้ 

หมายความว่ายังไง ? 

อิซึกุหันไปมองคนที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีกอย่างแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจฝืนคำสั่งของอีกฝ่าย แล้วก้มลงเก็บรูปที่คว่ำบ้างหงายบ้างบนพื้นขึ้นมา 

ทุกรูปต่างก็เป็นรูปของพวกเขาในวัยเด็กแทบทั้งหมด…

ยิ่งหยิบรูปแต่ละใบขึ้นมาดู หัวใจของอิซึกุก็เริ่มเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นทีละน้อย 

มีทั้งรูปคู่กันในพิธีปฐมนิเทศน์ตอนเข้าชั้นประถม งานกีฬาสีสมัยอนุบาล กิจกรรมทัศนศึกษาในช่วงประถมต้น และอีกหลายใบที่เป็นกิจกรรมในวัยเด็ก มีบางรูปมีรูปเดี่ยวของเขาในช่วงมัธยมต้นบ้าง แต่ก็เป็นรูปที่ดูไม่ค่อยจืดเท่าไหร่ เพราะชีวิตในช่วงนั้นเขาโดนแกล้งหนักมาก รูปที่ถ่ายออกมามีแต่รูปที่เห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวเองทั้งนั้น 

จนกระทั่งรูปสุดท้ายที่อิซึกุหยิบขึ้นมา คือตัวเขาเองในชุดเครื่องแบบยูเอ 

จำได้ดีว่ารูปนั้นคือรูปที่แม่ขอถ่ายในวันที่เขาลองชุดเครื่องแบบเป็นครั้งแรก 

แต่ไม่รู้ว่ารูปใบนี้มาอยู่กับคัตจังได้ยังไง

ยิ่งกว่าความเป็นมาของรูปใบนี้ คือทำไมคัตจังต้องเก็บรูปของพวกเขาในวัยเด็กเอาไว้ในนี้ ถ้าเป็นอัลบั้มวัยเด็กธรรมดา อัลบั้มนั้นก็ควรจะอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่ที่หอพักโรงเรียนแบบนี้ 

แล้วยังท่าทางเหมือนไม่อยากให้เขาเห็นนั่นอีก 

….

หนึ่งในไม่กี่ผลลัพธ์เท่าที่สมองอืด ๆของอิซุกุในตอนนี้จะประมวลผลได้ ทำให้รอยยิ้มประหลาดค่อย ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปาก 

ในอกรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ค่อยถูก 

…ครั้งนี้ จะขอคิดเข้าข้างตัวเองบ้างได้มั้ยนะ ? 

มือที่ถือรูปอยู่ค่อย ๆ วางรูปเหล่านั้นลงบนพื้นข้างตัวอย่างเบามือ แล้วค่อย ๆเงยหน้าขึ้นมองคัตสึกิที่ตอนนี้ทำสีหน้าประหลาด เหมือนเจ้าตัวอยากจะด่าแต่ก็ไม่รู้จะด่าอะไร เหมือนกำลังโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่เห็นออกวาจาเผ็ดร้อนอย่างทุกที 

“คัตจัง” 

“…” แทนคำตอบ เจ้าของชื่อกลับยกสองมือขึ้นปิดหน้าอย่างไม่รู้จะซ่อนใบหน้ายังไงให้ดีกว่านี้ได้แล้ว 

บ้าเอ๊ย ถ้าขาไม่เดี้ยงอยู่ป่านนี้เจ้าเดกุได้บินออกนอกหน้าต่างไปแล้วเหอะ ! 

“ทั้ง ๆที่ชอบแกล้งผมมาตั้งแต่เด็กแท้ ๆทำไมกลับเก็บรูปของพวกเราตอนเด็ก ๆไว้แบบนี้ล่ะ” อิซึกุถามเสียงเบา สองมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลวางบนหัวไหล่และทาบลงบนมือที่ปิดหน้าอยู่ข้างหนึ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กมัธยมต้นค่อย ๆโน้มเข้าหาสองมือของคัตสึกิที่ยกขึ้นิดหน้าอยู่ช้า ๆ ก่อนจะทาบทับริมฝีปากอุ่นร้อนบนหลังมือของคนที่กำลังเขินอยู่ 

สัมผัสไม่คุ้นชินทำให้คนที่มองอะไรไม่เห็นถึงกับสะดุ้งโหยง เผลอลดมือที่ปิดหน้าอยู่ลงเผยให้เห็นใบหน้าแดง ๆและท่าทางเลิ่กลั่กปนโกรธที่ดูแปลกตา 

“อึก ! แก…” 

…น่ารัก 

คัตจังที่เป็นอย่างนี้น่ารักมาก…น่ารักจนอยากจะเก็บไว้มองบ่อย ๆ 

กริ๊ก…

อิซึกุรู้สึกเหมือนสีหน้าของคัตสึกิในตอนนี้ไปสับสวิตซ์บางอย่างในตัวเขาขึ้นมา

อยู่ ๆก็อยากให้คัตจังทำหน้าแบบนี้อีกเยอะ ๆ… 

อารมณ์อยากแกล้งขึ้นมาชั่ววูบทำให้อิซึกุที่ปกติต้องลนลานถอยห่างกลับเบียดตัวเองเข้าไปใกล้คนเจ็บที่กระดิกหนีไปไหนไม่รอด เท้าแขนข้างหนึ่งไว้กับฟูกเตียงแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ 

“ทำไมกันนะ หืมม ?” น้ำเสียงทุ้มพร่าจากเด็กหนุ่มที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัวทำให้คัตสึกิรู้สึกวูบวาบจนต้องก้มหน้าลงแล้วพยายามยันใบหน้าที่ตอนนี้เริ่มดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจออกไปห่าง ๆ

ปกติเป็นแค่กระต่ายตื่นตูมที่เอาแต่วิ่งหนีเขาแท้ ๆ  

แต่อยู่ ๆหมอนี่ก็กลับเหมือนเป็นคนละคน 

หรือที่ผ่านมามันคือการตอแหลแบบหมาป่าห่มหนังแกะเพื่อล่อให้เขาเข้าไปใกล้ ๆโดยไม่รู้สึกถึงอันตรายกันนะ ? 

“…ออกไป” 

คัตสึกิที่ยังคงก้มหน้าอยู่ออกแรงดันอกของอิซึกุแรงขึ้นอีกจนแขนแข็งแรงสั่นเล็ก ๆ แต่ก็ไร้ผล ท่าทางเหมือนสัตว์เล็กที่กำลังต่อสู้อยู่ทำให้อิซึกุผุดยิ้มออกมา   

ท่าทางตอนเขินจนทำอะไรไม่ถูกของคัตจังก็น่ารัก…อิซึกุคิดแล้วขยับยิ้มกว้างขึ้นอีก 

“ทั้ง ๆที่ดูเกลียดขี้หน้าผมมาตลอดขนาดนี้ ทำไมถึงมีรูปของผมเต็มไปหมดกันนะ ?” แทนที่จะถอยออกไปตามคำสั่ง มือข้างที่ว่างกลับวางทาบลงบนพื้นใกล้ ๆสะโพกของอีกฝ่าย แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีกจนคัตสึกิที่ถดตัวถอยจนแทบจะรวมร่างกับฟูกนอนอยู่แล้ว 

“ทั้ง ๆที่ถ้าทำแบบนี้ในเวลาปกติ คัตจังน่าจะถีบผมออกไปเต็มแรงแท้ ๆ ทำไมตอนนี้คัตจังถึงได้เขินจนอ่อนแรงไปหมดอย่างนี้กันนะ” คำถามถัดมามาพร้อมกับมือที่เชยคางแข็งแรงขึ้นน้อย ๆ เหมือนบังคับให้สบตาด้วย สุ้มเสียงดูยั่วเย้า ไม่เหมือนเจ้ากากเดกุคนเดิมเลยสักนิด 

ไม่รู้มันไปกินยาอะไรผิดมา 

หมับ !

คัตสึกิใช้มือข้างที่แทบจะหายดีแล้วจับข้อมือข้างที่เชยคางเขาอยู่แน่น 

“ออกไป” คัตสึกิย้ำคำเสียงต่ำ 

น้ำเสียงดุ ๆกับสีหน้าน่ากลัวที่ปกติอิซึกุน่าจะรีบทำตามแบบไม่มีบิดพลิ้ว ตอนนี้อิซึกุคนที่ถูกสับสวิตซ์ตื่นขึ้นมากลับมองว่าเหมือนเป็นการพองขนขู่ของสัตว์โลกตัวเล็ก ๆน่ารัก ๆไปเสียอย่างนั้น 

คัตจังเนี่ย…ไม่ว่าจะตอนไหนก็น่ารักไปหมดจริง ๆด้วย

อิซึกุยิ้มบาง ก่อนจะเกร็งแรงมือต้านเอาไว้แล้วรีบก้มลงฉกฉวยหาความอบอุ่นจากริมฝีปากที่ปกติมักจะพ่นแต่คำด่าแสบร้อน 

อืมม พอปากนี้ไม่ขยับส่งเสียงด่าอะไรแล้ว มันช่าง…อิซึกุคิด ขณะหลับตาแล้วปล่อยตัวไปตามอารมณ์ของตัวเอง 

“อื้อ !” 

สัมผัสวาบหวามที่ไม่คุ้นเคยทำให้คัตสึกิเบิกตากว้าง ตอนแรกเขาทั้งดิ้น ทั้งผลัก แต่น่าแปลก…ทั้ง ๆที่ตลอดมาเจ้าเดกุไม่เคยสู้แรงเขาได้สักครั้ง แต่ครั้งนี้…

เขาไม่อาจะหนีพ้นได้เลย

แค่เผลอใจเพียงวูบเดียว สัมผัสหวานจากคนตรงหน้าก็ทำให้คัตสึกิเผลอลดแรงของตัวเองลง เสียงเล็ก ๆในใจของเขากระซิบบอกอะไรบางอย่าง 

จากนั้นนัยน์ตาสีแดงที่ฉายแววขัดขืนในตอนแรกก็ค่อย ๆปรือตาลงแล้วเริ่มตอบรับสัมผัสหอมหวาน 

เนิ่นนานจนรู้สึกเหมือนเริ่มหายใจไม่ออก อิซึกุก็ค่อย ๆผละออกจากริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่ง นัยน์ตาสีเขียวค่อย ๆช้อนมองขึ้นสบอย่างอาลัยอาวรณ์เหมือนไม่อยากผละจาก ในขณะที่คัตสึกิค่อย ๆยกหลังมือขึ้นบังปากตัวเอง แล้วเสมองทางอื่นพร้อมกับรอยแดงจาง ๆที่เห่อขึ้นบนใบหน้า 

“…ไอ้บ้ากาม” คำด่าอุบอิบจากคนเขินทำให้อิซึกุค่อย ๆยิ้มกว้าง เหมือนมีอะไรพองฟูในอกจนแทบจะล้นออกมา จนอดไม่ได้ที่จะต้องก้มหน้าลงให้รางวัลจนทำตัวน่ารักอีกรอบ 

จุ๊บ ! 

“ไอ้โรคจิต ! ไอ้ $!)#&!&(!*^#(!__T$ ไปตายซะ !” เสียงด่ารัว ๆ เหมือนคนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ ทำให้อิซึึกุหัวเราะอย่างชอบใจ 

ดวงตาที่เป็นประกายสดใสเหมือนเด็กได้ของเล่นที่ชอบทำให้คัตสึกิที่ตอนนี้ยกหลังมือขึ้นบังริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองอยู่แทบทนมองต่อไปไม่ได้ 

ให้ตาย ให้ตาย ให้ตาย 

ความลับที่เพียรจะเก็บไว้ถึงขั้นอยากจะปาใส่หีบแล้วตอกหมุดล็อกไว้ตลอดชีวิตดันมาแตกโพล๊ะรัว ๆต่อหน้าเจ้ากากที่เขาไม่อยากให้มันรู้ที่สุดว่าแย่แล้ว 

อยู่ ๆมันก็ดันเป็นบ้า กล้าฉวยโอกาสทำอย่างนั้นอย่างนี้กับเขาขึ้นมาอีก !  

…อยากหายไปจากโลกนี้ชะมัด 

อายโว้ย !

“คัตจัง”

“หา ?” คัตสึกิถามเสียงห้วน 

“คืนนี้ขอค้างที่นี่เลยได้มั้ย” 

“….”

“….?”

“ออกไป !!!” 

ปัง ! ปัง ! ปัง ! 

ถึงแม้อิซึกุจะพลิกตัวหลบออกมานอกห้องแล้ว เสียงระเบิดยังคงดังไล่หลังตูมตามจากคนพลาดท่าจนเพื่อน ๆที่อยู่ชั้นล่างชะโงกหัวขึ้นมาดูอย่างสนใจ 

อิซึกุส่ายหน้ายิ้ม ๆให้เพื่อน ๆเหมือนจะบอกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง แต่ในใจกลับคิดว่า 

…คัตจังที่เป็นแบบนี้ น่ารักมากจริง ๆด้วย 

หลังจากนี้เขาคงจะปล่อยอีกฝ่ายให้ไปไหนไกล ๆ ไม่ได้อีกแล้วล่ะ 

ร่างเล็กของอิซึกุเดินลงจากบันไดอย่างอารมณ์ดี ในมือก็ถือเศษกระดาษแผ่นเล็ก ๆเก่า ๆที่มีรอยฉีกอยู่ ถ้าเพื่อนคนไหนตาดีหน่อยก็จะเห็นว่า บนกระดาษมีลายมือยึกยือของเด็กเขียนอยู่เพียงสามพยางค์สั้น ๆ 

‘ให้เดกุ’ 

ฮืม แบบนี้เขาก็มีข้ออ้างจะไปหาคัตจังคราวหน้าอีกแล้วใช่หรือเปล่านะ ?  

——————————————————————————- 

สุดท้ายไป ๆมา ๆก็พลิกกลับมาเป็นเดคัตจนได้ 555555 ส่วนตัวชอบตอนที่น้องเดพลิกกลับมาเป็นฝ่ายล่าจริง ๆค่ะ เห็นแล้วแบบกร๊าวใจคุณแม่อย่างเรา ๆมาก ฮื้ออออ ❤ 

>> กลับมาแต่งฟิคอีกครั้งหลังจากไม่ได้แต่งมานานมาก ยังไม่ค่อยชินมือเท่าไหร่ รู้สึกภาษาก็แปลกอยู่หน่อย ๆ แต่ BNHA ทำให้หวีดได้แรงมากจริง ๆ ค่ะ ฮือ  เอ็นดูทุกคนเลยย